บทความนี้ให้ข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับบทบาทของ หุ่นยนต์คัดแยกสินค้าอัจฉริยะ ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของเทคโนโลยีหุ่นยนต์ในการตอบสนองความต้องการของอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมตัวอย่างจากหลายแบรนด์และภูมิภาคทั่วโลก DHL ไม่ยอมแพ้ จับมือ Dorabot สร้าง หุ่นยนต์คัดแยกสินค้าอัตโนมัติ อีกเวอร์ชัน ที่คัดแยกสินค้าได้แม่นยำถึง 99%
DHL Express นำ DHLBot แขนกลแยกสินค้าอัตโนมัติระบบ AI มาใช้สนับสนุนปฏิบัติการคัดแยกพัสดุขนาดเล็กของบริษัทฯ ในสิงคโปร์และเกาหลีใต้ โดยจะใช้หุ่นยนต์นี้ร่วมกับการคัดแยกสินค้าด้วยมือ เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลที่มีปริมาณสินค้าหนาแน่น
จุดเด่นของบทความ DoraSorter ของ FedEx
หุ่นยนต์นี้ถูกใช้ในศูนย์คัดแยกสินค้าทางตอนใต้ของประเทศจีน
ความสามารถ: คัดแยกพัสดุขนาดเล็ก น้ำหนักสูงสุด 10 กิโลกรัม ครอบคลุม 100 จุดหมายปลายทางในพื้นที่เพียง 40 ตร.ม.
การใช้งาน: อ่านบาร์โค้ดและนำพัสดุไปยังช่องปลายทางที่เหมาะสม
DHLBot ของ DHL
ใช้ในสิงคโปร์และเกาหลีใต้
ความสามารถ: คัดแยกพัสดุมากกว่า 1,000 ชิ้น/ชั่วโมง ด้วยความแม่นยำ 99%
ลดการใช้แรงงานคน และเพิ่มประสิทธิภาพการคัดแยกสินค้าได้ถึง 40%
Hellenic Post (ELTA) ในกรีซ
นำหุ่นยนต์จากบริษัทจีน Zhejiang LiBiao Robot มาใช้คัดแยกพัสดุ
ลดเวลาการทำงาน เพิ่มความเร็วการจัดส่งถึง 250%
ปรับปรุงความแม่นยำ และช่วยลดความผิดพลาดในการคัดแยก
ประโยชน์ของการใช้หุ่นยนต์ในโลจิสติกส์:
เพิ่มประสิทธิภาพ: ลดเวลาการคัดแยกและข้อผิดพลาด
ตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้น: โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีการขนส่งสูง
ลดต้นทุนและแรงงานคน: หุ่นยนต์สามารถทำงานได้ต่อเนื่องและแม่นยำ
สนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัล: ช่วยปรับตัวสู่ยุคที่ความรวดเร็วเป็นหัวใจสำคัญ
แนวโน้มในอนาคต
การคาดการณ์จาก McKinsey & Company ระบุว่า
ตลาดคลังสินค้าอัตโนมัติทั่วโลกจะมีมูลค่าถึง 51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2030
มีการติดตั้งหุ่นยนต์มากกว่า 4 ล้านตัว ในคลังสินค้ากว่า 50,000 แห่งภายในปี 2025
บทความนี้สะท้อนถึงความสำคัญของหุ่นยนต์ที่ไม่เพียงแต่ยกระดับโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ยังช่วยตอบสนองการเติบโตของอีคอมเมิร์ซได้อย่างเหมาะสมในยุคที่ทุกอย่างต้องการความรวดเร็วและแม่นยำ.
BY : Tonkla
ที่มา : www.salika.co และ chatgpt