แชร์

การปฏิวัติระบบโลจิสติกส์แห่งอนาคต

อัพเดทล่าสุด: 6 ธ.ค. 2024
45 ผู้เข้าชม

Blockchain กับ Supply Chain : การปฏิวัติระบบโลจิสติกส์แห่งอนาคต

ในโลกที่เศรษฐกิจและการค้าก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นการผลิต การจัดเก็บ หรือการส่งมอบสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญในระบบ Supply Chain แบบดั้งเดิม เช่น ความล่าช้า ความโปร่งใสที่จำกัด และการขาดความน่าเชื่อถือ ได้กระตุ้นให้องค์กรต่าง ๆ มองหาเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ หนึ่งในนั้นคือ Blockchain

 

Blockchain คืออะไร?

Blockchain คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้การเก็บข้อมูลมีความปลอดภัย โปร่งใส และเปลี่ยนแปลงได้ยาก โดยข้อมูลจะถูกจัดเก็บในรูปแบบของ บล็อก (Blocks) ซึ่งเชื่อมต่อกันเป็น ห่วงโซ่ (Chain) ข้อมูลในแต่ละบล็อกจะถูกเข้ารหัสและมีการบันทึกเวลาที่แน่นอน ทำให้การแก้ไขข้อมูลย้อนหลังทำได้ยากมาก และทุกคนในเครือข่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ได้

 

Blockchain กับ Supply Chain : การเชื่อมโยงที่ลงตัว

Blockchain สามารถนำมาใช้ในการปรับปรุงระบบ Supply Chain ได้ในหลายด้าน เช่น

1. ความโปร่งใสและการติดตามแหล่งที่มา

ใน Supply Chain แบบดั้งเดิม การติดตามแหล่งที่มาของวัตถุดิบหรือสินค้าอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ Blockchain ช่วยให้ข้อมูลตั้งแต่ต้นน้ำ (ผู้ผลิต) ไปจนถึงปลายน้ำ (ผู้บริโภค) ถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจนและตรวจสอบได้ทันที ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมอาหารสามารถใช้ Blockchain เพื่อติดตามว่าเนื้อสัตว์หรือผักผลไม้มาจากฟาร์มที่ได้รับมาตรฐานหรือไม่

2. ลดความผิดพลาดและป้องกันการทุจริต

การบันทึกข้อมูลใน Blockchain ทำให้ทุกการเปลี่ยนแปลงถูกตรวจสอบได้ ลดโอกาสที่ข้อมูลจะถูกปลอมแปลง นอกจากนี้ ยังช่วยลดข้อผิดพลาดจากการบันทึกข้อมูลแบบดั้งเดิมที่อาจเกิดจากคน

3. การบริหารสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยการเชื่อมต่อข้อมูลในทุกขั้นตอนของ Supply Chain องค์กรสามารถติดตามปริมาณสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ทำให้การวางแผนและการกระจายสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

4. การเร่งกระบวนการและลดต้นทุน

Blockchain ช่วยลดขั้นตอนการดำเนินงาน เช่น การตรวจสอบเอกสาร หรือการอนุมัติจากบุคคลที่สาม ซึ่งมักใช้เวลานานและเพิ่มต้นทุน ด้วย Smart Contracts ซึ่งเป็นฟังก์ชันใน Blockchain กระบวนการสามารถดำเนินการได้โดยอัตโนมัติเมื่อมีการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้

 

ตัวอย่างการใช้งาน Blockchain ใน Supply Chain

  • Walmart : ใช้ Blockchain เพื่อติดตามเส้นทางของผักและผลไม้จากฟาร์มถึงชั้นวางในซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้สามารถตรวจสอบความปลอดภัยของอาหารได้อย่างรวดเร็ว
  • Maersk : ร่วมมือกับ IBM ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม TradeLens ที่ใช้ Blockchain เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการขนส่งทางทะเล
  • De Beers : ใช้ Blockchain เพื่อติดตามการเดินทางของเพชรตั้งแต่เหมืองจนถึงผู้บริโภค เพื่อป้องกันการซื้อขายเพชรที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย

ความท้าทายของการนำ Blockchain มาใช้ใน Supply Chain

แม้ Blockchain จะมีศักยภาพสูง แต่การนำมาใช้งานใน Supply Chain ยังมีอุปสรรค เช่น

  1. ต้นทุนการพัฒนาและการบูรณาการ : การสร้างระบบ Blockchain ให้เข้ากับระบบเดิมอาจใช้เวลาและทรัพยากรมาก
  2. ความรู้และการยอมรับ : ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องใน Supply Chain อาจขาดความรู้หรือไม่เชื่อมั่นในเทคโนโลยีใหม่
  3. มาตรฐานและกฎระเบียบ : การขาดมาตรฐานสากลสำหรับการใช้ Blockchain อาจเป็นอุปสรรคต่อการใช้งานในวงกว้าง

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
เทคโนโลยี AI ในงานโลจิสติกส์ 2024
ในปี 2024 เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีบทบาทสำคัญในงานโลจิสติกส์ โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในกระบวนการต่าง ๆ
11 ธ.ค. 2024
รถไร้คนขับในโลจิสติกส์
ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติเข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รถไร้คนขับ (Autonomous Vehicles) ได้กลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงโลจิสติกส์อย่างมหาศาล
11 ธ.ค. 2024
บทบาทสำคัญของ Logistics People
บทบาทสำคัญของ Logistics People หรือบุคลากรในสายงานโลจิสติกส์ มีความสำคัญต่อกระบวนการจัดการสินค้าและบริการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
9 ธ.ค. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ