หัวใจของฝ่าย จัดซื้อ จัดหา ที่ทุกองค์กรต้องรู้
อัพเดทล่าสุด: 6 ม.ค. 2025
9 ผู้เข้าชม
การจัดซื้อ จัดหา หรือที่รู้จักกันในชื่อของ จัดหา (Procurement)
เป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างองค์กรต่างๆในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) หรือประสานงานระหว่างองค์กรและผู้ขาย ซึ่งหลายคนอาจคิดว่างานจัดซื้อจัดหาเป็นงานที่ง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อนเท่าไหร่ แค่ติดต่อผู้ขายหรือซัพพลายเออร์ให้เสนอราคา และส่งสินค้าให้ตามที่เรากำหนดไว้ ซึ่งการจัดซื้อจัดหาถือว่าเป็นงานที่มีความสำคัญอย่างมากต่อบริษัทหรือองค์กร เนื่องจากมีผลต่อความสำเร็จ ซึ่งจะต้องมีความความต้องการในวัตถุดิบที่เพียงพอในราคาที่เหมาะสม คุ้มค่า มีคุณภาพตามที่ต้องการ ในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งองค์กรต้องมีหลักบริหารจัดการและสร้างพันธมิตรกับผู้ขายหรือซัพพลายเออร์เพื่อมุ่งเน้นผลประโยชน์ร่วมกัน
หน้าที่ของงาน จัดซื้อ
คือ การจัดหาสินค้าและวัตถุดิบให้ได้คุณภาพตามที่ต้องการใช้ในการดำเนินงาน ในราคาที่เหมาะสม ยุติธรรม และคุ้มค่าที่สุด ตลอดจนการสรรหาผู้ขายที่ดี มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการจัดส่งสินค้าให้ได้ตามตรงตามความต้องการ และมีบริการที่ดี ปรึกษากับผู้ขาย หรือซัพพลายเออร์ เพื่อที่จะหาวิธีที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
คือ การจัดหาสินค้าและวัตถุดิบให้ได้คุณภาพตามที่ต้องการใช้ในการดำเนินงาน ในราคาที่เหมาะสม ยุติธรรม และคุ้มค่าที่สุด ตลอดจนการสรรหาผู้ขายที่ดี มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการจัดส่งสินค้าให้ได้ตามตรงตามความต้องการ และมีบริการที่ดี ปรึกษากับผู้ขาย หรือซัพพลายเออร์ เพื่อที่จะหาวิธีที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
หัวใจของงาน จัดซื้อ
ปัจจัยที่เป็นหัวใจของงานจัดซื้อจัดขายมีอยู่ด้วยกัน 7 ประการ หรือเรียกว่า 7 Rs ดังนี้
1. ซื้อให้ได้ตามคุณภาพที่ต้องการ (Right Quality)
หมายถึง คุณสมบัติที่กำหนดขึ้นของหน่วยงานหรือองค์กร หรือคุณภาพของสินค้าหรือวัตถุดิบที่จะใช้งานตามที่ต้องการ ฝ่ายจัดซื้อจัดหาก็มีส่วนที่จะช่วยในการกำหนดคุณสมบัติของสินค้า หรือวัตถุดิบที่ต้องการด้วย เพื่อให้สามารถจัดหาของที่ดี ตรงตามวัตถุประสงค์การนำไปใช้ และซื้อของที่มีคุณภาพ
2. ซื้อให้ได้ในปริมาณหรือจำนวน ตามที่ต้องการ (Right Quantity)
หมายถึง จำนวนสิ่งของหรือวัตถุดิบที่หน่วยงาน หรือองค์กรต้องการใช้ เพื่อลดปัญหา และลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในขั้นตอนของการสั่งซื้อ หรือการจัดส่งที่ไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ ซึ่งฝ่ายจัดซื้อจัดหาจะต้องวางแผนการสั่งซื้อ หรือทำการพยากรณ์ความต้องการใช้ทั้งหมด โดยดูจากข้อมูลในอดีต และประวัติการสั่งซื้อครั้งก่อนเป็นตัวช่วย และควรตรวจสอบคลังสินค้ามีปริมาณจัดเก็บที่เพียงพอหรือไม่? ไม่ควรสั่งสินค้ามาเก็บไว้ในคลังสินค้ามากเกินไป เพราะอาจจะทำให้สินค้าหรือวัตถุดิบเสื่อมคุณภาพไปได้
3. ส่งสินค้าให้ได้ในเวลาที่ต้องการ (Right Time)
หมายถึง การกำหนดเวลาในการจัดส่งสินค้าหรือวัตถุดิบ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก หากมีการจัดส่งสินค้าหรือวัตถุดิบช้ากว่าที่กำหนดอาจส่งผลกระทบให้กระบวนการผลิตหรือหน่วยงานที่จะต้องใช้สินค้าหรือวัตถุดิบอย่างต่อเนื่องจะต้องหยุดชะงัก หรือต้องพักไว้ก่อน ซึ่งฝ่ายจัดซื้อจัดหาจำเป็นที่จะต้องระบุวัน เวลาในการจัดส่งสินค้าอย่างชัดเจน
4. การซื้อสินค้าได้ในราคาที่ยุติธรรม (Right Price)
หมายถึง การซื้อของให้ได้ในราคาถูก ซึ่งเป็นเพียงปัจจัยเบื้องต้นเท่านั้น แต่จะต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างคุณภาพ ความคุมค่า และลักษณะที่จะต้องนำไปใช้งาน ราที่ดีไม่ใช่ราคาที่ถูกที่สุด แต่เป็นราคาที่ยุติธรรมที่สุด เหมาะสมกับคุณภาพ ผู้ขายมีกำไร ผู้ซื้อได้ประโยชน์จากสินค้าหรือวัตถุดิบนั้น
5. ส่งสินค้าได้ตามสถานที่ที่กำหนด (Right Place)
หมายถึง การสั่งซื้อสินค้านอกจากจะต้องกำหนดวัน-เวลาในการส่งอย่างชัดเจนแล้ว ยังต้องกำหนดสถานที่ในการจัดส่งสินค้าให้ถูกต้องด้วย เพราะบางทีผู้ซื้อกับผู้ขายอยู่ในพื้นที่คนละแห่งกัน หรือสำนักงานกับหน่วยงานที่ต้องการใช้สินค้าหรือวัตถุดิบอยู่คนละแห่งกัน เพื่อลดปัญหาการจัดส่งที่ผิดพลาด ดังนั้นฝ่ายจัดซื้อจัดหาจะต้องระบุสถานที่แน่นอนและชัดเจน
6. ซื้อสินค้าจากแหล่งขายหรือผู้ขายที่เชื่อถือได้ (Right Source)
หมายถึง การตรวจสอบ หรือหาข้อมูลของผู้ขายมาศึกษาเพื่อพิจารณาความน่าเชื่อถือ โดยดูจากประวัติการซื้อขาย จากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคม หรือชมรมต่างๆ เพื่อดูความมั่นคงในการดำเนินการของผู้ขาย ซึ่งผู้ขายที่ดีมีความน่าเชื่อถือนั้นจะต้องสามารถส่งสินค้าหรือวัตถุดิบให้ได้ตามที่กำหนด ทั้งคุณภาพของสินค้า การจัดส่งในปริมาณที่ถูกต้อง รวดเร็ว ในสถานที่ที่ถูกต้อง มีการดูแล และรับประกันสินค้า แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการจัดซื้อได้อย่างดี
7. คุณภาพการบริการเป็นที่น่าเชื่อถือ (Right Service)
หมายถึง การบริการของผู้ขายที่สามารถตอบสนองความต้องการได้ตรงตามที่กำหนด หรือเกินความคาดหวัง เพื่อให้เกิดความพึงพอใจจากการซื้อ หรือใช้สินค้าหรือวัตถุดิบนั้น ไม่ว่าจะเป็นการรับประกันการใช้งานที่มีระยะยาวนาน บริการหลังการขาย การจัดส่งสินค้าได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง หรือการรับเปลี่ยนสินค้าแบบไม่มีค่าบริการ เป็นต้น เพื่อสร้างโอกาสในการขาย และการเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน
ปัจจัยที่เป็นหัวใจของงานจัดซื้อจัดขายมีอยู่ด้วยกัน 7 ประการ หรือเรียกว่า 7 Rs ดังนี้
1. ซื้อให้ได้ตามคุณภาพที่ต้องการ (Right Quality)
หมายถึง คุณสมบัติที่กำหนดขึ้นของหน่วยงานหรือองค์กร หรือคุณภาพของสินค้าหรือวัตถุดิบที่จะใช้งานตามที่ต้องการ ฝ่ายจัดซื้อจัดหาก็มีส่วนที่จะช่วยในการกำหนดคุณสมบัติของสินค้า หรือวัตถุดิบที่ต้องการด้วย เพื่อให้สามารถจัดหาของที่ดี ตรงตามวัตถุประสงค์การนำไปใช้ และซื้อของที่มีคุณภาพ
2. ซื้อให้ได้ในปริมาณหรือจำนวน ตามที่ต้องการ (Right Quantity)
หมายถึง จำนวนสิ่งของหรือวัตถุดิบที่หน่วยงาน หรือองค์กรต้องการใช้ เพื่อลดปัญหา และลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในขั้นตอนของการสั่งซื้อ หรือการจัดส่งที่ไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ ซึ่งฝ่ายจัดซื้อจัดหาจะต้องวางแผนการสั่งซื้อ หรือทำการพยากรณ์ความต้องการใช้ทั้งหมด โดยดูจากข้อมูลในอดีต และประวัติการสั่งซื้อครั้งก่อนเป็นตัวช่วย และควรตรวจสอบคลังสินค้ามีปริมาณจัดเก็บที่เพียงพอหรือไม่? ไม่ควรสั่งสินค้ามาเก็บไว้ในคลังสินค้ามากเกินไป เพราะอาจจะทำให้สินค้าหรือวัตถุดิบเสื่อมคุณภาพไปได้
3. ส่งสินค้าให้ได้ในเวลาที่ต้องการ (Right Time)
หมายถึง การกำหนดเวลาในการจัดส่งสินค้าหรือวัตถุดิบ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก หากมีการจัดส่งสินค้าหรือวัตถุดิบช้ากว่าที่กำหนดอาจส่งผลกระทบให้กระบวนการผลิตหรือหน่วยงานที่จะต้องใช้สินค้าหรือวัตถุดิบอย่างต่อเนื่องจะต้องหยุดชะงัก หรือต้องพักไว้ก่อน ซึ่งฝ่ายจัดซื้อจัดหาจำเป็นที่จะต้องระบุวัน เวลาในการจัดส่งสินค้าอย่างชัดเจน
4. การซื้อสินค้าได้ในราคาที่ยุติธรรม (Right Price)
หมายถึง การซื้อของให้ได้ในราคาถูก ซึ่งเป็นเพียงปัจจัยเบื้องต้นเท่านั้น แต่จะต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างคุณภาพ ความคุมค่า และลักษณะที่จะต้องนำไปใช้งาน ราที่ดีไม่ใช่ราคาที่ถูกที่สุด แต่เป็นราคาที่ยุติธรรมที่สุด เหมาะสมกับคุณภาพ ผู้ขายมีกำไร ผู้ซื้อได้ประโยชน์จากสินค้าหรือวัตถุดิบนั้น
5. ส่งสินค้าได้ตามสถานที่ที่กำหนด (Right Place)
หมายถึง การสั่งซื้อสินค้านอกจากจะต้องกำหนดวัน-เวลาในการส่งอย่างชัดเจนแล้ว ยังต้องกำหนดสถานที่ในการจัดส่งสินค้าให้ถูกต้องด้วย เพราะบางทีผู้ซื้อกับผู้ขายอยู่ในพื้นที่คนละแห่งกัน หรือสำนักงานกับหน่วยงานที่ต้องการใช้สินค้าหรือวัตถุดิบอยู่คนละแห่งกัน เพื่อลดปัญหาการจัดส่งที่ผิดพลาด ดังนั้นฝ่ายจัดซื้อจัดหาจะต้องระบุสถานที่แน่นอนและชัดเจน
6. ซื้อสินค้าจากแหล่งขายหรือผู้ขายที่เชื่อถือได้ (Right Source)
หมายถึง การตรวจสอบ หรือหาข้อมูลของผู้ขายมาศึกษาเพื่อพิจารณาความน่าเชื่อถือ โดยดูจากประวัติการซื้อขาย จากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคม หรือชมรมต่างๆ เพื่อดูความมั่นคงในการดำเนินการของผู้ขาย ซึ่งผู้ขายที่ดีมีความน่าเชื่อถือนั้นจะต้องสามารถส่งสินค้าหรือวัตถุดิบให้ได้ตามที่กำหนด ทั้งคุณภาพของสินค้า การจัดส่งในปริมาณที่ถูกต้อง รวดเร็ว ในสถานที่ที่ถูกต้อง มีการดูแล และรับประกันสินค้า แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการจัดซื้อได้อย่างดี
7. คุณภาพการบริการเป็นที่น่าเชื่อถือ (Right Service)
หมายถึง การบริการของผู้ขายที่สามารถตอบสนองความต้องการได้ตรงตามที่กำหนด หรือเกินความคาดหวัง เพื่อให้เกิดความพึงพอใจจากการซื้อ หรือใช้สินค้าหรือวัตถุดิบนั้น ไม่ว่าจะเป็นการรับประกันการใช้งานที่มีระยะยาวนาน บริการหลังการขาย การจัดส่งสินค้าได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง หรือการรับเปลี่ยนสินค้าแบบไม่มีค่าบริการ เป็นต้น เพื่อสร้างโอกาสในการขาย และการเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน
BY : Jim
ที่มา : https://shorturl.asia/UmKHC
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการวางแผนการเติบโตของธุรกิจ ช่วยให้องค์กรสามารถเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ
7 ม.ค. 2025
Lovemarks เป็นแนวคิดที่ช่วยให้แบรนด์ก้าวข้ามจากการเป็นเพียงสินค้าหรือบริการ ไปสู่การเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้บริโภค
7 ม.ค. 2025
ทริคในการเลือกกล่องพัสดุหรือสิ่งใดที่ควรพิจารณาในการเลือกกล่องพัสดุ เพื่อให้ความเหมาะสมต่อการใช้งาน มีดังนี้ . . .
7 ม.ค. 2025