หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง

7 วิธีเพิ่มยอดขาย

1.เสริมโฆษณาและการตลาด : สร้างแคมเปญโฆษณาที่น่าสนใจบนสื่อต่าง ๆ เช่นโซเชียลมีเดีย, ทีวี, วิทยุ, หรืออื่น ๆ ใช้กลยุทธ์การตลาดที่สร้างความสนใจและมีประสิทธิภาพ

2.พัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ : ปรับปรุงหรือเพิ่มเติมคุณสมบัติที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีความมีเสน่ห์มากขึ้น พัฒนาบริการหรือโปรโมชั่นพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้า

3.การให้บริการลูกค้าที่ดี : พัฒนาบริการหลังการขายที่ดี เพื่อสร้างความพึงพอใจในลูกค้าให้การสนับสนุนลูกค้าที่ดีและตอบสนองต่อคำถามหรือปัญหาที่เกิดขึ้น

4.เปิดตัวโปรโมชั่น : จัดทำโปรโมชั่นที่น่าสนใจ เช่นส่วนลด, ของแถม, หรือโปรโมชั่นพิเศษ สร้างความกระตือรือร้นในการซื้อด้วยโปรโมชั่นที่มีมูลค่า 

5.สร้างความไว้วางใจ : สร้างภาพลักษณ์และบุคลิกภาพที่ดีของธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ สร้างความไว้วางใจในลูกค้าผ่านการประทับใจและการทำธุรกิจที่ซื่อสัตย์

6.ขยายตลาด : หากเป็นไปได้, ลองขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่และสำรวจตลาดและหากมีโอกาสที่มีอยู่ในตลาดใหม่

7.การใช้เทคโนโลยี : ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาสินค้าหรือบริการใหม่และใช้ระบบออนไลน์เพื่อการขายและการตลาด

งบกำไรขาดทุน

งบกำไรขาดทุน คือ งบกำไรขาดทุน (Profit and Loss Statement) เป็นเอกสารทางบัญชีที่แสดงรายได้, รายจ่าย, กำไรหรือขาดทุนของธุรกิจหรือบริษัทในระยะเวลาที่กำหนด (โดยทั่วไปคือรอบบัญชีปี) ซึ่งช่วยในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจขององค์กร

รายการหลักที่ปรากฏในงบกำไรขาดทุนประกอบด้วย :

• รายได้ (Revenue): รายได้ทั้งหมดที่ธุรกิจได้รับจากการขายสินค้าหรือบริการ.
• รายจ่าย (Expenses): รายจ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินธุรกิจ, เช่น ค่าจ้างพนักงาน, ค่าเช่า, ค่าน้ำ, ค่าไฟฟ้า, ค่าสินค้าหรือวัตถุดิบ, และค่าโฆษณา.
• กำไรหรือขาดทุน (Profit or Loss): หลังจากรวมรายได้และลบรายจ่าย, จะได้กำไรหรือขาดทุน.
  

สรุปงบกำไรขาดทุน

การวิเคราะห์งบกำไรขาดทุนช่วยในการทราบถึงสภาพการเงินและประสิทธิภาพของธุรกิจ โดยทั่วไป, การมีกำไรถือเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จของธุรกิจ, ในขณะที่การขาดทุนอาจต้องการการทบทวนและปรับปรุงกิจการ. การทำงบกำไรขาดทุนควรปฏิบัติตามหลักการบัญชีที่ถูกต้องและเป็นมาตรฐาน เพื่อให้ข้อมูลทางการเงินมีความน่าเชื่อถือและนำไปใช้ตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างถูกต้อง

วิธีเพิ่มยอดขายจากลูกค้าเก่า

การรักษาลูกค้าเก่าคืออะไร 

นิยามการรักษาลูกค้าเก่าการรักษาลูกค้าเก่า หมายถึงความสามารถของบริษัทในการเปลี่ยน ลูกค้าให้เป็นผู้ซื้อซ้ำและไม่ให้หันไปหาคู่แข่งเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์และคุณภาพของบริการของคุณ

ทำไมการรักษาลูกค้าเก่าจึงสำคัญ

การดูแลลูกค้าปัจจุบันของคุณให้มีความสุขโดยทั่วไปแล้วมีประสิทธิภาพด้านต้นทุนมากกว่าการหาลูกค้ามาซื้อสินค้าหรือบริการ เป็นครั้งแรก การหาลูกค้าใหม่อาจค่าใช้จ่ายสูงกว่าการมัดใจลูกค้าเดิมไว้ 5 ถึง 25 เท่า

ประโยชน์การรักษาลูกค้าเก่า

 1.ประหยัดต้นทุน: การรักษาลูกค้าเก่าโดยทั่วไปแล้วมี ประสิทธิภาพด้านต้นทุนมากกว่าการหาลูกค้ามาซื้อสินค้า หรือบริการเป็นครั้งแรก

2.คำพูดเชิงบวกของการตลาดแบบบอกต่อ: ลูกค้าที่ภักดีมีแนว โน้มที่จะบอกต่อแบรนด์ของคุณให้ฟรี ๆ

3.รายได้ที่ดียิ่งขึ้น: อัตราการรักษาลูกค้าเก่าที่เพิ่มขึ้นเพียง 5 เปอร์เซ็นต์สามารถเพิ่มรายได้ 25 ถึง 95 เปอร์เซ็นต์

สิ่งสำคัญในการรักษาฐานลูกค้า

1.รู้ก่อนว่าใครคือลูกค้าที่มีความสำคัญต่อบริษัทของคุณ

2. ศึกษาว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อผลิตภัณฑ์

3. พยายามติดต่อกับลูกค้าเก่าอยู่เสมอ

4.ให้สิทธิเพิศษเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม

5. ใส่ใจกับคำติชมของลูกค้าและนำมาปรับปรุงแก้ไข

กลยุทธ์เพื่อปรับปรุงการรักษาลูกค้าเก่า

• การทำความเข้าใจลูกค้า
• การสร้างสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง
• โปรโมทและข้อเสนอพิเศษ
• การให้บริการหลังการขาย
• การใช้เทคโนโลยี
• การระบุและการวัดผล
• การศึกษาตลาดเพื่อเข้าใจแนวโน้มและความต้องการของลูกค้า

การควบคุมค่าใช้จ่าย

วิธีการควบคุมค่าใช้จ่าย

1.ทำความเข้าใจกับทุกคนในองค์กร ควรจะคุยกับบุคลากรอย่างตรงไปตรงมาว่าบริษัทต้องแบกรับค่าใช้จ่ายใดอยู่ บ้าง หากเปิดเผยตัวเลขได้ก็ยิ่งดีเพื่อ ให้บุคลากรได้ตระหนักรู้ถึงต้นทุนที่ บริษัทต้องแบกรับเอาไว้อย่างชัดเจน

2. ลดค่าใช้จ่ายจุกจิกในสำนักงาน แน่นอนว่าในสำนักงานมักมีค่าใช้จ่ายแฝงอยู่แทบจะทุกอย่างโดยเฉพาะ เรื่องอุปกรณ์การทำ งาน เช่น ปากกา กระดาษ กล่อง ฯลฯ

3. Virtual Technology วางเครือข่ายด้วยเทคโนโลยี  เป็นการลดค่าใช้จ่ายบริษัทระดับการจัดการ operation โดยการใช้การจัดการเครือข่าย แบบ virtual technology หรือก็คือการทำ งานอย่างเดียวกันแต่เข้าจากหลายอุปกรณ์ ได้ ช่วยให้ลดการใช้จ่ายได้หลากหลาย

4. ผลักดันทักษะของบุคลากรให้สูงสุด ถ้าบุคลากรของคุณสามารถทำงานได้หลากหลาย (Multiple skill) แทนที่ต้องจ่ายเงินเพื่อบุคลากรเพิ่ม เปลี่ยนมาผลักดันบุคลากร 1 คนให้ สามารถทำ งานได้ 2 หรือมากกว่านั้น