Content Creation & Content Curation
คอนเทนต์ นอกจากจะเป็นผลผลิตจากความคิดสร้างสรรค์จากคอนเทนต์ครีเอเตอร์แล้ว ยังเรียกว่าเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับการทำ social media marketing เลยก็ว่าได้ และที่สำคัญหากคอนเทนต์ออกมาดี ยังช่วยให้ perfomance บนโซเชียลมีเดีย
Content Creation และ Content Curation หลายคนอาจเคยได้ยินบ้าง แต่ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร และแตกต่างกันยังไงอย่างแน่ชัด ก่อนอื่นมาทำความรู้จักคอนเทนต์ทั้ง 2 ประเภทที่ควรมีบนโซเชียลมีเดีย
Content Creation
คอนเทนต์ที่เราสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง หรือที่ได้ยินกันบ่อย ๆ ว่า Original Content เป็นคอนเทนต์ที่มีเพียงหนึ่งเดียว ที่เราเป็นคนทำขึ้นมาเองทั้งเขียนบทความ ทำภาพกราฟิก วิดีโอ หรืออะไรต่าง ๆ ที่ไม่มีการหยิบยืมของคนอื่นมาใช้ คอนเทนต์ประเภทนี้สำคัญมาก เพราะจะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของเรา องค์กร หรือแบรนด์
ข้อดี
1.ช่วยสร้าง brand awareness ให้กับเรา องค์กร หรือแบรนด์
2.ช่วยให้เป็นที่จดจำในแบบของเราเอง
3.เป็นตัวยืนยันว่าเราเป็นผู้นำหรือมีความเชี่ยวชาญในคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับด้านนั้น ๆ จริง
4.สร้างความแตกต่าง และโดดเด่นจากคู่แข่ง
5.เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเรา องค์กร หรือแบรนด์
6.เมื่อเป็นคอนเทนต์ที่ผลิตเอง ก็สามารถปรับแต่งให้เข้ากับแนวทางของตัวเอง องค์กร หรือแบรนด์ที่ดูแลดูได้อย่างอิสระ ที่จะทำให้มีโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดนั่นเอง
7.บางคอนเทนต์ที่เป็น Evergreen Content สามารถนำมาโพสต์ซ้ำและช่วยเพิ่มยอดการเข้าชมได้เรื่อย ๆ
8.ช่วยเรื่อง SEO ในแง่ของการจัดอันดับเว็บไซต์
ข้อเสีย
1.ต้องใช้เวลาในการศึกษารวบรวมข้อมูล เพื่อนำมาประกอบเป็นคอนเทนต์
2.อาจมีค่าใช้จ่ายในการผลิตคอนเทนต์ ไม่ว่าจะค่าใช้จ่ายที่เป็น Fixed Cost อย่างการจ่ายให้กับบริการซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เช่น Adobe ที่ต้องสมัครใช้งาน หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ คิดเป็นแต่ละชิ้นงาน
Content Curation
เป็นคอนเทนต์ที่แชร์มาจากแหล่งอื่น โดยที่เราไม่ได้เป็นคนผลิตคอนเทนต์เหล่านั้นเอง และไม่สามารถเคลมว่าเป็นผลงานของตัวเองได้ เช่น แชร์ข่าวจากแหล่งอื่นมายังเพจของตัวเอง ซึ่งบางทีอาจจะมีเรื่องของการยอมรับหรือขออนุญาตจากเจ้าของคอนเทนต์นั้น ๆ ก่อน
ข้อดี
1.สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องใช้เวลาเท่าการผลิตคอนเทนต์ขึ้นมาเอง
2.เป็นคอนเทนต์ที่เติมเต็มตารางงาน ในยามที่ไม่มีเวลาผลิตคอนเทนต์ของตัวเองมากนัก อาจใช้กลยุทธ์การแชร์จากแหล่งอื่นเป็นตัวช่วย เพื่อไม่ให้โซเชียลเงียบเหงา เป็นการรักษาตารางเวลาไม่ให้ทิ้งว่างนั่นเอง
3.สร้างความเป็นผู้นำทางความคิด แชร์สิ่งที่มีคุณค่ากับกลุ่มเป้าหมาย
4.มอบข้อมูลหรือมุมมองที่หลากหลายให้กลุ่มเป้าหมาย แชร์สิ่งที่มาจากแหล่งอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อเป็นการเปิดโลกให้กับกลุ่มเป้าหมายบ้าง
5.บางข้อมูลเป็นข้อมูลที่ช่วยส่งเสริมความน่าเชื่อถือให้กับเรา แชร์แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ
6.เป็นการเชื่อมต่อและสร้างความสัมพันธ์กับสื่อหรือองค์กรอื่น ๆ โดยการแชร์คอนเทนต์ของเขา
ข้อเสีย
1.หากไม่ตรวจสอบแหล่งที่มาว่าข้อมูลถูกต้อง เชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด อาจมีปัญหาภายหลังได้
2.ปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์หรือการขออนุญาตแชร์ซำ้
3.การใช้คอนเทนต์ประเภทนี้บ่อย ๆ อาจทำให้ขาดเอกลักษณ์ของแบรนด์ และดูไม่มีความเป็นผู้นำทางความคิดเท่าไหร่นัก เพราะไม่ใช่สิ่งที่ส่งโดยตรงจากความคิดสร้างสรรค์ที่แบรนด์เป็นคนผลิตเอง
4.อาจส่งผลต่อ SEO เนื่องจาก Search Engine จะชอบคอนเทนต์ที่มาจากต้นฉบับมากกว่าการแชร์ซ้ำ จึงอาจมีส่วนส่งผลให้เว็บไซต์ไม่ติดอันดับได้
BY : Patch
ที่มา : rainmaker