วัสดุกันกระแทกในขนส่ง มีอะไรบ้าง ?
1.พลาสติกกันกระแทก (Bubble Wrap)
- คุณสมบัติ: พลาสติกกันกระแทกมีฟองอากาศเล็ก ๆ ที่สามารถดูดซับแรงกระแทกและลดการสั่นสะเทือน เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการการปกป้องระดับเบาถึงปานกลาง
- การใช้งาน: ใช้ในการห่อหุ้มสินค้าโดยตรง หรือเป็นชั้นรองระหว่างสินค้าและกล่อง ใช้กับสินค้าเช่น เครื่องแก้ว, เครื่องเซรามิก, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก
2. โฟมกันกระแทก (Foam)
- คุณสมบัติ: โฟมมีน้ำหนักเบาและมีความยืดหยุ่นสูง สามารถป้องกันแรงกระแทกและรองรับน้ำหนักได้ดี นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเป็นฉนวนความร้อน
- การใช้งาน: ใช้ห่อหุ้มหรือรองรับสินค้า มักใช้กับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่, เฟอร์นิเจอร์ หรือสินค้าอุตสาหกรรม
3. กระดาษลูกฟูก (Corrugated Paper)
- คุณสมบัติ: มีความแข็งแรงและน้ำหนักเบา ทำจากกระดาษหลายชั้นที่มีช่องอากาศระหว่างชั้น ช่วยดูดซับแรงกระแทกได้ดี
- การใช้งาน: ใช้ในกล่องบรรจุภัณฑ์หรือทำเป็นตัวกันกระแทกภายในกล่อง มักใช้ในการบรรจุภัณฑ์สินค้าทั่วไป เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, สินค้าอุปโภคบริโภค
4. เม็ดโฟมกันกระแทก (Packing Peanuts)
- คุณสมบัติ: มีลักษณะเป็นเม็ดโฟมเล็กๆ น้ำหนักเบา สามารถเติมเต็มช่องว่างภายในกล่องและช่วยป้องกันสินค้าไม่ให้ขยับ
- การใช้งาน: ใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการเติมเต็มพื้นที่ว่างในกล่อง เช่น ของขวัญ, อุปกรณ์ตกแต่ง
5. แผ่นยางกันกระแทก (Rubber Padding)
- คุณสมบัติ: มีความแข็งแรงและทนทาน สามารถรองรับน้ำหนักได้มากและทนทานต่อแรงกระแทก
- การใช้งาน: ใช้ในสินค้าที่มีน้ำหนักมากและต้องการการปกป้องที่มากขึ้น เช่น เครื่องจักร, อุปกรณ์อุตสาหกรรมขนาดใหญ่
6. แผ่นไม้รอง (Wooden Crates)
- คุณสมบัติ: ทำจากไม้ มีความแข็งแรงสูงมาก เหมาะสำหรับการป้องกันสินค้าขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก
- การใช้งาน: ใช้ในอุตสาหกรรม เช่น การขนส่งสินค้าโครงสร้างเหล็ก, เครื่องจักรขนาดใหญ่, หรืองานศิลปะ
เทคนิคและวิธีการเลือกใช้วัสดุกันกระแทกให้เหมาะสม:
1. พิจารณาน้ำหนักของสินค้า: สินค้าที่มีน้ำหนักมากต้องการวัสดุกันกระแทกที่แข็งแรงและสามารถรับน้ำหนักได้ดี เช่น โฟมหนาๆ หรือแผ่นยางกันกระแทก ขณะที่สินค้าที่เบาอาจใช้พลาสติกกันกระแทกหรือกระดาษกันกระแทก
2. ตรวจสอบความเปราะบางของสินค้า: สำหรับสินค้าที่แตกหักง่ายหรือเป็นแก้ว ควรใช้วัสดุกันกระแทกที่มีคุณสมบัติการดูดซับแรงกระแทกสูง เช่น พลาสติกกันกระแทกหรือเม็ดโฟมกันกระแทก
3. คำนึงถึงการบรรจุหีบห่อที่แน่นหนา: การบรรจุหีบห่อที่แน่นหนาจะช่วยลดความเสี่ยงในการขยับของสินค้า ใช้เม็ดโฟมกันกระแทกหรือหมอนลมเพื่อเติมเต็มช่องว่างในกล่อง
4. เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ปัจจุบันมีวัสดุกันกระแทกที่ทำจากวัสดุธรรมชาติและสามารถย่อยสลายได้ เช่น วัสดุเส้นใยธรรมชาติหรือกระดาษลูกฟูก สำหรับบริษัทที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน การเลือกใช้วัสดุเหล่านี้สามารถช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
5. ความสะดวกในการใช้งานและการจัดเก็บ: วัสดุกันกระแทกบางชนิดสามารถใช้งานและจัดเก็บได้ง่าย เช่น แผ่นพลาสติกแบบยืดหยุ่น หรือพลาสติกกันกระแทกที่สามารถม้วนเก็บได้ง่าย ควรเลือกวัสดุที่สะดวกต่อการใช้งานและไม่เปลืองพื้นที่จัดเก็บ
6. การปรับขนาดและรูปร่างของวัสดุกันกระแทก: วัสดุบางประเภท เช่น โฟมหรือกระดาษลูกฟูก สามารถตัดหรือดัดให้เข้ารูปกับสินค้าที่ต้องการได้ ช่วยให้การบรรจุหีบห่อมีความปลอดภัยมากขึ้น
BY : LEO
ที่มา : CHAT GPT