Affiliate คือ การตลาดแบบพันธมิตร หรือ affiliate marketing เป็นการจับมือกันระหว่างผู้ขายและผู้แนะนำสินค้า โดยผู้แนะนำสินค้าจะนำสินค้าหรือบริการของผู้ขายไปโปรโมทในช่องทางต่างๆ หากมีลูกค้ามากดสั่งซื้อสินค้าผ่านลิงค์ที่โปรโมท ผู้แนะนำจะได้รับค่าตอบแทน ซึ่งถูกคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายนั่นเอง Affiliate เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยสร้างรายได้แบบ passive income และคุณสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ แค่มีโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ เพียงเท่านั้น คุณสามารถโปรโมทสินค้าหรือบริการได้ตลอดเวลา ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย ไม่ต้องมาสต็อกของ แพ็คสินค้าหรือไปส่งของให้ลำบาก
1.Seller and product creator คือ เจ้าของผลิตภัณฑ์/บริษัท ที่ว่าจ้างให้บุคคลหรือบริษัททำการโปรโมตสินค้าและบริการผ่านช่องทางต่างๆ
2.The affiliate or publisher คือ บุคคลหรือบริษัท ที่ทำการโปรโมตสินค้าและบริการให้กับผู้ว่าจ้าง ผ่านช่องทางของตนเอง โดยจะได้รับค่าตอบแทนจาก Seller ทั้งในรูปแบบของค่าจ้างหรือค่าคอมมิชั่นจากการขายสินค้า
3.Customer คือ กลุ่มผู้บริโภคที่ติดตาม publisher ในช่องทางต่างๆ โดยซื้อสินค้าและบริการผ่านการโปรโมตของ publisher
1.Pay per Sale (PPS) การจ่ายเงินหลังจากมีการซื้อสินค้าและบริการ โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ตามราคาของผลิตภัณฑ์ที่แบ่งมายัง Publisher
2.Pay per Lead (PPL) รายได้จะเกิดขึ้นจากการเก็บ Lead ผ่านการสร้างลิงก์ให้ผู้บริโภคเข้าไปยังเว็บไซต์และลงทะเบียนสมัครสมาชิกกับทางแบรนด์
3.Pay per Click (PPC) การจ่ายเงินจะเกิดขึ้นเมื่อมีผู้คลิกโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มนั้น ซึ่ง PPC จะไม่กำหนดว่าผู้คลิกต้องซื้อสินค้าหรือไม่ แค่เพียงคลิกโฆษณา Publisher ก็สามารถได้รายได้แล้ว
1.วางแผนก่อนสร้างคอนเทนต์ เพื่อกำหนดแนวทางตัวเองว่าอยากเป็น Influencer ด้านไหน เช่น ด้านท่องเที่ยว, อาหาร หรือกีฬา เพราะความชัดเจนในการกำหนดแนวทาง จะช่วยให้แบรนด์มองเห็นช่องทางในการทำ Affiliate Marketing กับเรา
2.มองหาช่องทางสร้าง Traffic สำหรับในช่วงแรกยอดการเข้าถึง (Reach) อาจจะยังน้อยอยู่ ดังนั้นหากต้องการทำ Affiliate Marketing การสร้าง Traffic จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แบรนด์เห็นความคุ้มค่าในการลงทุนกับเรา โดยแนวทางการสร้าง Traffic มีหลายวิธี เช่น การ แปะ URL Tiktok ในช่องทางโซเซียลมีเดียอื่น ศึกษาเวลาโพสต์ที่เหมาะสม ใช้แฮชแท็ก (Hashtag) หรือร่วมงานกับคนอื่นที่มีชื่อเสียง
การทำ Affiliate Marketing คือการประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้ว เพียงแค่เพิ่มการโฆษณาสินค้าและปรับ User Interface (UI) ให้ดึงดูดคลิกจากลูกค้า ซึ่งเจ้าของแพลตฟอร์มแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย เพียงแต่ประยุกต์ใช้สิ่งเดิมที่มีอยู่เพื่อสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น
ไม่เพียงแต่ในด้านรายได้เท่านั้น แต่สิ่งที่เหล่าคนทำ Startup จะได้รับคือ ข้อมูล (Data) ในระดับ Micro Behavior ผ่านการสังเกตพฤติกรรมของลูกค้าบนแพลตฟอร์ม ความสนใจต่อสินค้าและปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งสามารถนำข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้มาวิเคราะห์และปรับใช้ในการพัฒนาสินค้าของตัวเองให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
BY: FAH
ที่มา: Katalyst.kasikornbank