การเรียนรู้ภายใต้การควบคุม (Supervised Learning)
เป็นหนึ่งในประเภทของ Machine Learning ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยมีหลักการทำงานที่สำคัญคือ การฝึกโมเดลด้วยข้อมูลที่มีการติดป้ายกำกับ (labeled data) ซึ่งหมายถึงข้อมูลที่มีคำตอบหรือผลลัพธ์ที่ชัดเจนอยู่แล้ว
ขั้นตอนการทำงานของ Supervised Learning
การรวบรวมข้อมูล : ข้อมูลจะถูกเก็บรวบรวมพร้อมกับป้ายกำกับ เช่น ข้อมูลภาพพร้อมคำบรรยายว่าเป็น "แมว" หรือ "สุนัข"
การฝึกโมเดล : ใช้ข้อมูลที่มีการติดป้ายกำกับเพื่อฝึกโมเดล โดยโมเดลจะเรียนรู้ลักษณะและความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลกับผลลัพธ์
การทดสอบโมเดล : หลังจากฝึกเสร็จ โมเดลจะถูกทดสอบด้วยชุดข้อมูลใหม่ที่ไม่มีการติดป้ายกำกับ เพื่อประเมินความสามารถในการทำนาย
การปรับแต่ง : ถ้าผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ อาจต้องปรับแต่งโมเดลหรือใช้เทคนิคเพิ่มเติมในการปรับปรุงประสิทธิภาพ
ประเภทของ Supervised Learning
การจำแนกประเภท (Classification) : ใช้เพื่อทำนายหมวดหมู่ของข้อมูล เช่น การจำแนกอีเมลว่าเป็น "สแปม" หรือ "ไม่สแปม"
การพยากรณ์ (Regression) : ใช้เพื่อทำนายค่าต่อเนื่อง เช่น การคาดการณ์ราคาบ้านหรือยอดขายในอนาคต
การประยุกต์ใช้งาน
Supervised Learning ถูกนำไปใช้ในหลายแอปพลิเคชัน เช่น
1.การจำแนกภาพ : เช่น การระบุวัตถุในภาพ
2.การวิเคราะห์ความรู้สึก : เช่น การตรวจสอบความคิดเห็นในโซเชียลมีเดีย
3.การคาดการณ์ทางการเงิน : เช่น การวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดหุ้น
ข้อดี - ข้อเสีย Reinforcement Learning
Reinforcement Learning (RL) เป็นเทคนิคใน Machine Learning ที่เน้นการเรียนรู้ผ่านการทดลองและข้อผิดพลาด โดยมีการให้รางวัลหรือโทษจากการกระทำในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
ข้อดี
- สามารถจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนได้ : RL เหมาะสำหรับปัญหาที่มีการตัดสินใจหลายขั้นตอน เช่น การเล่นเกมหรือการควบคุมระบบที่มีความซับซ้อน
- การเรียนรู้จากประสบการณ์ : โมเดล RL สามารถปรับปรุงตัวเองได้ตลอดเวลาโดยเรียนรู้จากการทดลอง ทำให้สามารถพัฒนากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน : RL สามารถทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความไม่แน่นอนสูง และสามารถปรับตัวได้เมื่อเงื่อนไขเปลี่ยนแปลง
- ไม่มีความต้องการข้อมูลที่ติดป้ายกำกับ : RL ไม่จำเป็นต้องมีข้อมูลที่มีการติดป้ายกำกับล่วงหน้า ทำให้สามารถทำงานกับข้อมูลที่ไม่เป็นระเบียบหรือไม่ได้จัดเตรียมไว้ข้อเสีย
- ต้องการเวลาและทรัพยากรสูง : การฝึก RL ต้องใช้เวลาและทรัพยากรมาก เนื่องจากต้องทดลองและทำการเรียนรู้จากประสบการณ์จำนวนมาก
- ความไม่แน่นอนในผลลัพธ์ : ผลลัพธ์ของ RL อาจไม่เสถียร เนื่องจากขึ้นอยู่กับการทดลองที่ทำ ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่เหมาะสมในบางช่วงเวลา
- ความยากในการปรับแต่งและวิเคราะห์ : การปรับแต่งโมเดล RL อาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และการวิเคราะห์ผลลัพธ์ก็อาจทำได้ยาก
- ปัญหาของการสำรวจ (Exploration vs. Exploitation) : RL ต้องจัดการกับความสมดุลระหว่างการสำรวจทางเลือกใหม่ (exploration) และการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีอยู่ (exploitation) ซึ่งอาจทำให้ยากต่อการค้นพบกลยุทธ์ที่ดีที่สุด
BY: Patch
ที่มา: CHAT GPT