แชร์

LiDAR "เทคโนโลยีการตรวจจับและวัดระยะด้วยแสง"

อัพเดทล่าสุด: 17 ต.ค. 2024
450 ผู้เข้าชม

LiDAR คืออะไร?

LiDAR ย่อมาจาก Light Detection and Ranging ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "การตรวจจับและวัดระยะด้วยแสง" เป็นเทคโนโลยีที่ใช้แสงเลเซอร์ในการวัดระยะทางระหว่างเซ็นเซอร์กับวัตุเป้าหมาย โดยการส่งพัลส์แสงเลเซอร์ออกไปและวัดเวลาที่แสงสะท้อนกลับมา

หลักการทำงานของ LiDAR

1. ปล่อยพัลส์แสงเลเซอร์: อุปกรณ์ LiDAR จะปล่อยพัลส์แสงเลเซอร์ออกไปยังวัตุเป้าหมาย

2. แสงสะท้อนกลับ: เมื่อแสงเลเซอร์กระทบกับวัตุ จะสะท้อนกลับมายังตัวรับของ LiDAR

3. วัดเวลา: อุปกรณ์จะวัดระยะเวลาที่แสงเลเซอร์ใช้ในการเดินทางไปและกลับ

4. คำนวณระยะทาง: จากระยะเวลาที่วัดได้และความเร็วของแสง สามารถคำนวณระยะทางไปยังวัตุเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

ข้อมูลที่ได้จาก LiDAR

  • ระยะทาง: ระยะห่างระหว่างเซ็นเซอร์กับวัตุเป้าหมาย
  • ความสูง: ความสูงของวัตุเป้าหมายเมื่อเทียบกับระดับอ้างอิง
  • ความหนาแน่น: ความหนาแน่นของวัตุเป้าหมาย (เช่น ความหนาแน่นของพืชพรรณ)
  • สี: สีของวัตุเป้าหมาย (บางรุ่น)

ประโยชน์ของ LiDAR

  • การทำแผนที่: สร้างแผนที่สามมิติของพื้นที่ได้อย่างละเอียด แม่นยำ
  • การสำรวจ: สำรวจพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก เช่น ป่าเขา ถ้ำ
  • การเกษตร: ประเมินผลผลิตทางการเกษตร ติดตามการเจริญเติบโตของพืช
  • การสำรวจทางธรณีวิทยา: ศึกษาโครงสร้างทางธรณีวิทยา
  • รถยนต์ไร้คนขับ: ช่วยให้รถยนต์รับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัว
  • การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม: ติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม

ตัวอย่างการใช้งาน LiDAR

  • โดรน: ติดตั้ง LiDAR บนโดรนเพื่อสร้างแผนที่สามมิติของพื้นที่ขนาดใหญ่
  • รถยนต์: ใช้ LiDAR ในระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (ADAS) และรถยนต์ไร้คนขับ
  • การสำรวจทางโบราณคดี: ค้นหาซากปรักหักพังโบราณที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน

การประยุกต์ใช้ LiDAR ในอุตสาหกรรมต่างๆ

อุตสาหกรรมยานยนต์:

  • รถยนต์ไร้คนขับ: ใช้ในการสร้างแผนที่สามมิติแบบเรียลไทม์ของสภาพแวดล้อมรอบรถ ช่วยให้รถยนต์สามารถตรวจจับวัตุ препятก์ ผู้คน และสัตว์ได้อย่างแม่นยำ
  • ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (ADAS): ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ เช่น ระบบควบคุมระยะห่าง ระบบเตือนการชน และระบบช่วยจอดรถ

อุตสาหกรรมการสำรวจและทำแผนที่:

  • การสร้างแผนที่สามมิติ: สร้างแผนที่ภูมิประเทศที่ละเอียดและแม่นยำ ช่วยในการวางแผนการพัฒนาพื้นที่
  • การสำรวจทางโบราณคดี: ค้นพบซากปรักหักพังโบราณที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน
  • การสำรวจป่าไม้: ประเมินปริมาณไม้และความหลากหลายทางชีวภาพ

อุตสาหกรรมก่อสร้าง:

  • การตรวจสอบโครงสร้าง: ตรวจสอบความเสียหายของโครงสร้างอาคาร สะพาน และอุโมงค์
  • การสร้างแบบจำลองอาคาร: สร้างแบบจำลองสามมิติของอาคารเพื่อใช้ในการออกแบบและก่อสร้าง

อุตสาหกรรมพลังงาน:

  • การสำรวจแหล่งพลังงาน: สำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
  • การตรวจสอบสายส่ง: ตรวจสอบสภาพของสายส่งไฟฟ้าและสายเคเบิลใต้ดิน

อุตสาหกรรมการเกษตร:

  • การสำรวจพื้นที่การเกษตร: สร้างแผนที่ความสูงของพื้นที่การเกษตรเพื่อวางแผนการชลประทาน
  • การประเมินผลผลิต: ประเมินผลผลิตพืชผลและความเสียหายจากโรคแมลง

อุตสาหกรรมการบิน:

  • การสร้างแผนที่ภูมิประเทศ: สร้างแผนที่ภูมิประเทศสำหรับการนำร่องเครื่องบิน
  • การสำรวจพื้นที่ภัยพิบัติ: สำรวจพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติ เช่น แผ่นดินไหว หรือสึนามิ เพื่อประเมินความเสียหาย

สรุป

LiDAR เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่มีประโยชน์ในหลากหลายสาขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างแผนที่สามมิติและการสำรวจพื้นที่ LiDAR ช่วยให้เราเข้าใจสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ดีขึ้น และนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนและพัฒนาในด้านต่างๆ





BY: MANthi

ที่มา: Gemini


บทความที่เกี่ยวข้อง
Voice Commerce กำลังเขย่าตลาดอีคอมเมิร์ซในปี 2025
วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงปรากฏการณ์นี้กันว่า Voice Commerce คืออะไร ทำไมถึงกำลังมาแรง
ออกแบบโลโก้__5_.png BANKKUNG
28 เม.ย. 2025
ทำความรู้จัก Brain-Computer Interface (BCI)
ในวันนี้ BCI กำลังก้าวเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ มาทำความรู้จักกับเทคโนโลยีสุดล้ำนี้กันครับ
ร่วมมือ.jpg เหมาคัน
28 เม.ย. 2025
ESG กับคลังสินค้า: การพัฒนาอย่างยั่งยืนในยุคใหม่
ในโลกธุรกิจยุคปัจจุบัน "ความยั่งยืน" ไม่ใช่แค่คำสวยหรูที่เอาไว้ประดับนโยบายองค์กรอีกต่อไป แต่กลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่กำหนดทิศทางความสำเร็จในระยะยาว และหนึ่งในอุตสาหกรรมที่กำลังตื่นตัวอย่างมากกับแนวคิดนี้ ก็คือ ธุรกิจคลังสินค้า
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
26 เม.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ