ต้นกำเนิดของลาลามูฟ
ต้นกำเนิดของ lalamoveอยู่ที่ฮ่องกง เดิมทีลาลามูฟเป็นบริการขนส่งภายในเมืองด้วยการใช้รถตู้เป็นหลักเพื่อส่งของไปตามซอกซอยต่างๆ ตอนนั้นใช้ชื่อว่า easyvan อธิบายการทำงานก่อนว่าพวกเค้าจะมีศูนย์รับข้อมูลเป็นคอลเซ็นเตอร์ จากนั้นลูกค้าก็จะโทรเข้าไปสั่งงาน เจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ก็จะสั่งงาน แจกงานไปยังกลุ่มรถตู้ในเครือเพื่อทำงานแล้วก็รับเงินค่าใช้จ่ายมา(จะเห็นว่าระบบนี้กลายเป็นพื้นฐานของการทำงานบนแอพพลิเคชั่นในยุคต่อมา) พวกเค้าเริ่มต้นธุรกิจนี้ในปี 2013 จากนั้นก็พัฒนาธุรกิจเรื่อยมาจนกระทั่งมีการแตกแขนงไปยังเมืองอื่นในประเทศเอเชียตอนนี้เค้ามีบริการถึง 100 เมืองทั่วเอเชีย มีการลงทะเบียนของลูกค้ามากถึง 15 ล้านคน(ทั้งหมด) แล้วมีผู้ขับขี่ขนส่งมากถึง สองล้านคนทั้งในรูปแบบรถตู้ รถบรรทุกขนาดเล็ก และ รถมอเตอร์ไซค์
การเติบโตในประเทศไทย
จากความสำเร็จในช่วงแรกของฮ่องกง ทำให้ทาง lalamove ขยายสาขาไปในหลายประเทศหนึ่งในนั้นมีไทยด้วยจุดเด่นของลาลามูฟตอนที่เข้ามาไทยก็คือ การโปรโมตตัวเองเป็นคนที่รับส่งอาหารแทนที่พัสดุที่มีเจ้าตลาดหลายแห่ง แต่กับตลาดส่งอาหารยังมีน้อยอยู่ ลาลามูฟ เข้ามาพร้อมบริการทำให้เราสามารถสั่งอาหารมากินบนห้องได้เลย แบบไม่ต้องออกไปตรงไหน พร้อมกับค่าบริการที่ถูกแสนถูก ลองนึกภาพเราอยากกินผัดไทเจ้าดัง แต่กว่าจะอาบน้ำออกไปเจอรถติด (ยังไม่นับฝุ่นควัน) เชื่อเลยว่ากว่าจะได้กินหิวจนตาลายก่อน แต่ถ้าใช้บริการของลาลามูฟ เชื่อว่า อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เราได้กินเลยไม่ต้องรอนาน เอาเวลาที่จะไปกิน ไปทำอย่างอื่นได้ดีกว่าเยอะ หลายคนอาจจะคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่ตอนนี้มันเป็นไปแล้วบริการรับส่งอาหารแบบถึงหน้าบ้านทำให้หลายคนเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองมาใช้บริการมากขึ้น
คีย์หลักความสำเร็จ
การเข้ามาตลาดรับส่งอาหารเดลิเวอรี่ อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร มีขนส่งหลายเจ้าขยับเข้ามาเล่นในตลาดนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะว่ามันมีมูลค่ามากกว่าที่เราคิดเยอะมาก แต่ทำไมลาลามูฟถึงขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งได้ หนึ่งลาลามูฟมีเครือข่ายผู้ขับขี่เยอะมาก จากข้อมูลบอกว่าพื้นที่กรุงเทพ ปริมณฑลลาลามูฟมีคนขับรับส่งอยู่ที่ 40,000 คัน นั่นทำให้รองรับความต้องการที่เกิดขึ้นตลอดเวลาได้มากกว่า สองความรวดเร็วในการส่งของ ลาลามูฟ เค้าเคลมเอาไว้ว่าพวกเค้าสามารถรับส่งอาหาร หรือ สินค้าตามที่ต้องการได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งหากเทียบตรงนี้ถือว่าเร็วที่สุดในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน เจอข้อนี้เข้าไปลูกค้าก็ชอบใจเป็นธรรมดา
จากคอลเซ็นเตอร์ สู่ แอพพลิเคชั่น
เราจะเห็นว่า ลาลามูฟ ในช่วงตั้งต้นนั้น พวกเค้าคุ้นเคยกับระบบการให้บริการแบบนี้มาก่อน แต่ยุคนั้นจะเป็นการใช้งานระบบคอลเซ็นเตอร์ มากกว่า แต่พอเทคโนโลยีเปลี่ยนการทำงานก็เปลี่ยนด้วย จากคอลเซ็นเตอร์ สู่ระบบแอพพลิเคชั่น ทำให้การทำงานของ ลาลามูฟ เค้าจะเน้นการให้บริการที่รวดเร็ว ใช้งานง่าย หากเราเคยใช้งานแอพพลิเคชั่นของ ลาลามูฟ จะเห็นเลยว่าเค้าออกแบบมาดีมาก กดใช้สั่งงานอะไรง่ายเลย ด้วยความง่ายจึงไม่แปลกที่ ลาลามูฟ จะเป็นอีกหนึ่งบริการรับส่งสินค้า (โดยเฉพาะอาหาร)ที่คนเมืองชอบใช้กัน