โลจิสติกส์สีเขียว เป็นการใช้เทคโนโลยีและวิธีการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลดผลกระทบต่อโลก โดยการลดการใช้พลังงานที่เป็นมลพิษ การใช้วัสดุที่มีการกำหนดมาตรฐานสิ่งแวดล้อม และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งการนำหลักการเหล่านี้มาปรับใช้ในกระบวนการขนส่งและโลจิสติกส์จะช่วยลดการมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
1. ลดการสร้างมลพิษ
การใช้เทคโนโลยีและกระบวนการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในโลจิสติกส์ช่วยลดการสร้างมลพิษที่มาจากการเผาผลาญน้ำมันรถบรรทุกและการขนส่งในรูปแบบต่างๆ เช่น การนำระบบบริหารจัดการการขนส่ง หรือ Transportation Management System (TMS) มาใช้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจก เพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
2. เปิดโอกาสทางการค้า
การมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน จะช่วยสร้างโอกาสทางการค้าให้กับธุรกิจของคุณมากขึ้น เพราะปัจจุบันเทรนด์โลกกำลังมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ผู้บริโภคต่างให้ความสำคัญกับสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากธุรกิจของคุณไม่มีนโยบายที่ชัดเจน อาจถูกกีดกันทางการค้า ส่งผลเสียต่อธุรกิจในระยะยาว นอกจากนี้การใส่ใจสิ่งแวดล้อม ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ธุรกิจที่มุ่งเน้นการผลิตและบริการที่ยั่งยืน จะมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง ประหยัดทรัพยากรและพลังงาน ช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
3. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
โลจิสติกส์สีเขียว เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เนื่องจากในสมัยนี้ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มุ่งมั่นในเรื่องของความยั่งยืน (Sustainability) โดยเฉพาะ หากธุรกิจใดมีการใส่ใจในด้านนี้ จะสามารถได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นจากลูกค้าได้มากขึ้นเช่นกัน
4. ลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไร
โลจิสติกส์สีเขียวสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง เช่น การใช้ระบบการนำทางและการวางเส้นทางที่อัตโนมัติ (VRP) ช่วยให้วางแผนเส้นทางที่ประหยัดน้ำมันและเวลาในการขนส่งมากขึ้นระบบอัจฉริยะสามารถวิเคราะห์สภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ เพื่อเลี่ยงเส้นทางที่มีรถติด ช่วยให้จัดการการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดระยะทางที่ไม่จำเป็น