ไปทำความรู้จักกับ Underdog Marketing กัน
Underdog Marketing คืออะไร
Underdog Marketing คือ กลยุทธ์การตลาดมวยรองที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันสำหรับแบรนด์ที่เล็กกว่าหรือใหม่กว่า โดยใช้จุดแข็งที่ไม่เหมือนใครและสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าเป้าหมายลักษณะของ Underdog Marketing
Underdog Marketing คือกลยุทธ์ที่น่าสนใจที่ช่วยให้แบรนด์ต่ำกว่าคู่แข่งที่มีชื่อเสียงสามารถเอาชนะใจผู้บริโภค โดยการใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งมาจากความคล้ายคลึงกับการแข่งขันกัดสุนัขในอดีต คุณอาจจำได้ว่าในสมัยก่อน 99.99% ของสุนัขที่ชนะในการแข่งขันกัดสุนัขจะเป็น underdog หรือ หมารองบ่อน ซึ่งหมายถึงสุนัขที่มีความแข็งแกร่งน้อยกว่าคู่แข่ง แต่กล้าทำสิ่งใหม่ ๆ และท้าทายเพื่อชนะใจผู้ชม
ในทางการตลาด กลยุทธ์ Underdog Marketing นี้มีลักษณะเป็นดังนี้การคิดนอกกรอบ (Out of The Box) :
การคิดที่ไม่ธรรมดา และไม่เหมือนใคร
แบรนด์ที่ใช้กลยุทธ์นี้มักมีความเป็นเอกลักษณ์และไม่ซ้ำจำเจการสร้างความแตกต่าง (Differentiate) :
การนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ต่างจากคู่แข่ง
อาจเป็นการใช้กลยุทธ์หรือการตลาดที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน- การโจมตีด้านข้าง (Flank Attack) :
การทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่ได้หวังครองตลาด แต่ต้องการชนะใจผู้บริโภค
อาจเป็นการนำเสนอแคมเปญที่แปลกใหม่หรือสร้างกลยุทธ์ที่ยังไม่เคยมีใครทำ
การใช้ Underdog Marketing ช่วยให้แบรนด์ของคุณมีเอกลักษณ์และเป็นที่จดจำในตลาด
ประโยชน์ของ Underdog Marketing
การตลาดแบบ Underdog มีประโยชน์หลายประการในการทำการตลาด โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจที่เป็นรองหรือมีข้อจำกัดในการแข่งขันกับคู่แข่งที่มีขนาดใหญ่กว่า ดังนี้ :
สร้างความแตกต่าง : กลยุทธ์นี้ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ โดยไม่ต้องแข่งกับเจ้าใหญ่ที่มีอยู่ แต่เน้นการนำเสนอสินค้าและบริการที่ไม่เหมือนใครเพื่อดึงดูดใจผู้บริโภค
ใช้ความคิดสร้างสรรค์ : การตลาดแบบ Underdog มักใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างความประหลาดใจให้ลูกค้าเพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างการรับรู้อย่างกว้างขวาง
การโจมตีด้านข้าง (Flank Attack) : กลยุทธ์นี้ไม่ได้หวังครองตลาดแต่เพียงผู้เดียว แต่เน้นการชนะใจผู้บริโภคโดยการนำเสนอแคมเปญที่แปลกใหม่หรือการสร้างกลยุทธ์ที่ไม่เหมือนใคร
การคิดนอกกรอบ (Out of The Box) : การคิดนอกกรอบเป็นแกนหลักสำคัญในการขับเคลื่อนแบรนด์ โดยไม่จำกัดแค่ตัวสินค้าและบริการ แต่อาจหมายถึงกลยุทธ์หรือ marketing offering ที่ฉีกออกไปจากเจ้าอื่น ๆ
การใช้พลังจากสื่อ (Media Power) : การใช้พลังจากสื่อเข้ามาเป็นตัวช่วยในการสร้างสีสัน สร้างลูกเล่น และดึงดูดความสนใจด้วยการเลือกใช้สื่อที่ไม่ต้องทุ่มทุนลงไปเยอะมากนัก
ความกล้าได้กล้าเสีย (Risk Taker) : กลยุทธ์นี้ต้องมีความกล้าในการทุ่มเทเพื่อทำให้แบรนด์สินค้าและบริการแจ้งเกิด โดยไม่หวังผลตอบแทนในทันที แต่เน้นการสร้างความแตกต่างและสร้างฐานลูกค้าใหม่
ตัวอย่างความสำเร็จ : มีหลายแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ Underdog Marketing เช่น Bar B Q Plaza, Nescafe, Robinhood, Dtac, มาชิตะ และอิชิตัน เป็นต้น
การปรับจิตใจ : การปรับจิตใจให้เป็นนักสู้และไม่ให้ข้ออ้างใด ๆ เป็นสำคัญในการทำการตลาดแบบ Underdog โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องต้นทุนสินค้าและเศรษฐกิจที่ไม่ดี
การเปลี่ยนลูกค้าไม่เคลื่อนไหว (Transform Inactive to Active Customer) : กลยุทธ์นี้ช่วยเปลี่ยนจากลูกค้าที่เคยซื้อแล้วหายไปให้กลับมาซื้อใหม่ ซึ่งสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างรวดเร็ว
การออกหาลูกค้า (Be Active not Passive) : การออกหาลูกค้าแทนการนั่งรอลูกค้ามาเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการทำการตลาดแบบ Underdog โดยเน้นการออกไปหาลูกค้าและสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขา
สรุป
สรุปโดยรวมแล้ว Underdog Marketing เป็นกลยุทธ์ที่สามารถช่วยให้ธุรกิจที่เป็นรองสามารถแข่งขันได้และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ โดยเน้นการสร้างความประหลาดใจและความสัมพันธ์กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง มีประโยชน์มากมายในการทำการตลาด โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจที่เป็นรองหรือมีข้อจำกัดในการแข่งขันกับคู่แข่งที่มีขนาดใหญ่กว่า
BY : NOON (CC)
ที่มาของข้อมูล : Packhai