การทำประกันภัยสินค้าทางทะเล (Marine Cargo Insurance) เป็นกระบวนการที่มีความสำคัญสำหรับธุรกิจที่ทำการค้าระหว่างประเทศ หรือส่งสินค้าผ่านทางเรือ โดยการประกันภัยนี้จะช่วยให้คุณได้รับความคุ้มครองกรณีที่สินค้าของคุณเกิดความเสียหายหรือสูญหายระหว่างการขนส่งทางทะเล
1.ประเภทของความคุ้มครอง:
ความคุ้มครองเต็มรูปแบบ (All Risks): คุ้มครองความเสียหายหรือสูญหายที่เกิดจากสาเหตุทั้งหมด ยกเว้นสิ่งที่ระบุไว้ในข้อยกเว้น
ความคุ้มครองเฉพาะเจาะจง (Named Perils): คุ้มครองความเสียหายจากเหตุการณ์ที่ระบุไว้เฉพาะในกรมธรรม์ เช่น อุบัติเหตุจากการชนหรือการจมของเรือ
1.ค่าใช้จ่าย: ค่าเบี้ยประกันจะขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าความเสี่ยง และมูลค่าของสินค้า
ประเภทของสินค้า: สินค้าแต่ละประเภทอาจมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน เช่น สินค้าที่มีความเปราะบางต้องการการคุ้มครองพิเศษ
2.เส้นทางการขนส่ง: เส้นทางที่สินค้าจะเดินทางไป อาจมีผลต่อความเสี่ยง เช่น การเดินทางผ่านเขตร้อนหรือเส้นทางที่มีความเสี่ยงสูง
3.ขั้นตอนในการทำประกันภัย:
ประเมินความเสี่ยง: ตรวจสอบความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณและเส้นทางการขนส่ง
4.เลือกกรมธรรม์: เลือกประเภทของความคุ้มครองที่เหมาะสมกับสินค้าของคุณ
จัดทำเอกสาร: เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น รายละเอียดของสินค้าและการขนส่ง
ชำระค่าเบี้ยประกัน: จ่ายค่าเบี้ยตามที่ตกลงกันไว้ในกรมธรรม์
5.การเคลมประกัน:
รายงานเหตุการณ์: แจ้งบริษัทประกันภัยเมื่อเกิดความเสียหายหรือสูญหายของสินค้า
จัดเตรียมเอกสาร: จัดเตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น ใบเสร็จรับเงิน รายงานความเสียหาย และเอกสารการขนส่ง
ติดตามสถานะ: ติดตามกระบวนการเคลมและทำการติดตามผลจากบริษัทประกันภัย
การทำประกันภัยสินค้าทางทะเลจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าสินค้าของคุณได้รับความคุ้มครองจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง โดยคุณสามารถติดต่อบริษัทประกันภัยหรือที่ปรึกษาเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรมธรรม์ที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ
ความจำเป็นในการทำประกันภัยสินค้าทางทะเลนั้น เนื่องจากระหว่างขนส่งสินค้า อาจจะมีภยันอันตราย และความเสียหายต่อสินค้า ซึ่งการขนส่งไม่ว่าจะเป็น ทางบก ทางน้ำ หรือ ทางอากาศ สามารถที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ตลอดเวลาขณะขนส่งสินค้าข้ามประเทศ
โดยเฉพาะสินค้าในการขนส่งที่สามารถแตกหักได้ง่ายคือ แก้ว, สินค้าที่มีมูลค้าสูง ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะมาจากสาเหตุที่เราไม่สามารถที่จะคาดการณ์ได้ เช่น ภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุของยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่ง ถูกโจรกรรมสินค้า ภัยจากโจรสลัด เป็นต้น
ดังนั้นการที่มีประกันภัยขนส่งสินค้า จึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของสินค้า เพราะสินค้าที่นำเข้าหรือส่งออก ได้รับความเสียหาย ก็จะได้รับการชดใช้ ส่วนผู้เอาประกันภัยก็สามารถที่จะนำเงินที่ได้รับการชดใช้ไปซื้อสินค้าได้ใหม่ และจะทำให้การดำเนินธุรกิจดำเนินไปต่อได้อย่างสะดวก
ที่มา: at-once.info
BY: Theeratepplai