โครงสร้างพื้นฐาน และที่อยู่อาศัยนั้นเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของเราทุก ๆ คน ดังนั้น การก่อสร้างหรือวัสดุต่าง ๆ และธุรกิจการนำเข้าวัสดุก่อสร้าง จึงเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนที่จะนำไปสู่ความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันของคุณ โดยในแวดวงธุรกิจก่อสร้างนั้น มีธุรกิจ SME อยู่หลายบริษัทเป็นอย่างมาก ที่หวังว่าสินค้าของตัวเองนั้นจะสามารถที่จะส่งต่อไปยังร้านค้าหรือผู้รับเหมา และประสบความสำเร็จในหลาย ๆ ด้าน ทั้งในเรื่องยอดขาย และรายได้ และแน่นอนว่า นอกจากสินค้าเหล่านี้ต้องมีคุณภาพที่ดี และมีประสิทธิภาพ กระบวนการในการขนส่งสินค้า สิ่งของ ขนาดใหญ่ยังต้องการันตีสภาพของสินค้า และต้นทุนที่ไม่บานปลาย เพื่อตอบโจทย์การเป็นธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมที่กำลังขยายระดับของบริษัทตนเองให้เติบโตไปสู่ส่วนแบ่งในการตลาดที่สูงกว่าเดิม
ปัญหาหลักๆในการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างนั้น มักจะอยู่ที่การขนส่ง เนื่องจากสินค้าในแต่ละชิ้นแต่ละประเภท ได้รวมเอาคุณสมบัติที่เป็นอุปสรรคต่อการขนส่งเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น
1. การขนส่งของชิ้นใหญ่ที่เกินกว่าค่ามาตรฐานทั่วไป
2. สินค้าเป็นประเภทที่แตกหัก และชำรุดได้ง่าย
3. มีน้ำหนักที่เกินกว่าเกณฑ์ของผู้ให้บริการขนส่งทั่วไป
4. ผู้ให้บริการขนส่งท้องถิ่นอาจจะไม่มีระบบที่เอื้อต่อการขนส่ง และไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งทั้ง 4 ข้อนี้ อาจจะทำให้ผู้ให้บริการธุรกิจด้านการก่อสร้างไม่อาจจะใช้บริการขนส่งทั่วไปได้ เนื่องจากผู้ให้บริการขนส่งเหล่านั้นเน้นให้บริการกับลูกค้ารายย่อย และบริการขนส่งสินค้าที่น้ำหนักไม่เกินกำหนด และราคาก็คิดตามน้ำหนักเท่านั้น หากรับผิดชอบการขนส่งด้วยตัวเองนั้นอาจจะเจอกับอุปสรรคในด้านอื่น ๆ เข้ามาอีก เช่น
ต้องมียานพาหนะเป็นของตนเอง และมีจำนวนที่เพียงพอต่อการขนส่งของตนเอง
มีอุปกรณ์ในการขนย้ายสินค้าที่มีน้ำหนักมาก
ต้องลงทุนในส่วนของค่าจ้างพนักงานส่งสินค้า
ต้องลงทุนค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ ของรถยนต์เช่น ภาษี น้ำมัน ค่าบำรุงรักษาเครื่องยนต์
ต้นทุนค่าน้ำมันในการตีรถเปล่ากลับมาหลังจากส่งของเสร็จแล้ว
เมื่อได้พิจารณาอุปสรรคเหล่านี้แล้วนั้น ทำให้ผู้ค้าขายวัสดุก่อสร้างหลายรายรู้สึกถอดใจ ด้วยการเป็นธุรกิจ SME นั้น จึงต้องแบกรับภาระ และความเสี่ยงมากกว่าร้านค้ารายใหญ่
บริการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ กับข้อดีที่ให้มากกว่าการลดต้นทุน
เมื่อทราบถึงปัญหาแล้วว่าเกิดจากด้านไหน ก็ถึงเวลาที่ต้องมองหาบริการที่ตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ได้ตรงกับสาเหตุที่สุด โดยหากที่ผู้ประกอบการคนไหนยังไม่พร้อมในส่วนของการลงทุนวางระบบการขนส่งสินค้าตัวเอง เพราะอยากนำเงินนั้นไปหมุนเวียนในส่วนอื่น ๆ ก่อน การใช้บริการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่นั้นก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนเป็นก้อนเงินจำนวนเยอะ เพราะค่าใช้จ่ายนั้นได้คิดตามประมาณการใช้บริการในแต่ละครั้งนั้นเอง คุณจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องต้นทุนในการขนส่งสินค้า และนอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีข้อดีด้านต่างๆที่รวบรวมนำมาฝากกันครับ
1. จบปัญหาเรื่องแรงงานให้ผู้เชี่ยวชาญได้ดูแล
ไม่จำเป็นที่จะต้องจ้างแรงงานเพิ่ม ในขณะที่คุณนั้นยังไม่พร้อม เพราะการบริการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่จากทางบริษัทโลจิสติกส์ จะเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งสินค้าแทนคุณโดยที่มีพนักงานที่เชี่ยวชาญทั้งในเรื่องเส้นทาง และการดูแลรักษาสินค้าที่หนัก และ แตกได้ง่าย ให้อยู่ในสภาพที่ปกติที่สุดก่อนที่สินค้าจะถึงปลายทาง
2. รองรับการขนส่งสินค้าหลายชนิด
ไม่ว่าจะเป็น ปูน กระเบื้อง ไม้ เสาเข็ม ก็จะมีวิธีการดูแลสินค้าระหว่างขนส่งไม่เหมือนกันตามแต่ละประเภทของสินค้า หากคุณได้ลงทุนเองอาจจะจำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ขนย้ายและยานพาหนะหลายรูปแบบเพื่อเป็นการรองรับการขนส่ง แต่ถ้าหากส่งของชิ้นใหญ่กับทางบริษัทขนส่งแล้วนั้น ทางบริษัทเองจะเป็นผู้จัดการสินค้าแต่ละประเภทให้กับคุณ ด้วยวิธีการที่เชี่ยวชาญ และเหมาะสม
3. เพิ่มโอกาสกระจายสินค้า
สมัยนี้ หากคุณอยากที่จะกระจายสินค้าไปยังลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ ที่อยู่นอกเหนือพื้นที่ ที่ไม่คุ้นเคยก็ไม่จำเป็นที่จะต้องบีบตัวเองให้ไปเปิดสาขาเพิ่มเติม เพราะโลจิสติกส์ก็เป็นเสมือนทางที่เชื่อมคุณกับลูกค้าด้วยความชำนาญเส้นทาง ช่วยให้คุณสามารถที่จะบุกเบิกไปหาลูกค้ารายใหม่ๆได้ง่ายขึ้น และไร้ความกังวล รวมถึงการรองรับการขยายตัวของธุรกิจโดยที่ยังสามารถประหยัดต้นทุนด้านการขนส่งได้อีกด้วย
แม้ว่าปัจจุบันนี้ SME จะยังเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีขนาดเล็กและไม่ใหญ่มาก แต่จุดเด่นหลัก ๆ ก็คือความได้ใกล้ชิดกับฐานลูกค้าที่ได้ร่วมงานกันมาอย่างยาวนาน อย่างร้านค้าวัสดุก่อสร้างก็ไม่ต้องกังวลหรือกดดันกับการแข่งขันในตลาด ที่มีคู่แข่งเป็นรายใหญ่ เพราะถ้าเราพัฒนากระบวนการต่างๆ ให้สะดวก และทันสมัยขึ้น และเข้าถึงลูกค้าได้ด้วยบริการการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ คุณก็พร้อมที่จะลุยทุกอุปสรรคที่เข้ามาได้อย่าง
ที่มา: at-once.info
BY: theeratepplai