ในการส่งออกสินค้านั้น ผู้ส่งออกก็จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และ ประกาศที่กรมศุลกากร และ หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการส่งออกกำหนดไว้ให้ครบถ้วนเช่นเดียวกับการนำเข้า โดยมีคำแนะนำในการจัดเตรียมเอกสาร และ ปฏิบัติตามขั้นตอนพิธีการศุลกากรในการส่งออกสินค้า ดังนี้
เป็นแบบพิมพ์ที่กรมศุลกากรกำหนดให้ผู้ส่งออกต้องยื่นต่อกรมศุลกากรในการส่งออกสินค้า ซึ่งจะจำแนกออกเป็น 4 ประเภท ตามลักษณะส่งออก ดังต่อไปนี้
(1) แบบ กศก.101/1 ใบขนสินค้าขาออก ใช้สำหรับการส่งออกในกรณี ดังต่อไปนี้
การส่งออกสินค้าทั่วไป
การส่งออกของส่วนบุคคล และ เอกสิทธิ์
การส่งออกสินค้าประเภทส่งเสริมการลงทุน (BOI)
การส่งออกสินค้าจากคลังสินค้าทัณฑ์บน
การส่งออกสินค้าที่ขอชดเชยที่ค่าภาษีอากร
การส่งออกสินค้าที่ขอคืนอากรตามมาตรา 19 ทวิ
การส่งออกสินค้าที่ต้องการใบสุทธินำกลับ
การส่งสินค้ากลับออกไป (RE-EXPORT)
(2) แบบ กศก.103 คำร้องขอผ่อนผันรับของ/ส่งออกของไปก่อน จะใช้สำหรับการขอส่งสินค้านั้นออกไปก่อนปฏิบัติพิธีการใบขนสินค้าขาออกในลักษณะที่กรมศุลกากรกำหนดไว้ ในประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ.2544
(3) แบบ A.T.A. Carnet ใบขนสินค้าสำหรับนำของเข้า หรือ ส่งของออกชั่วคราว ใช้สำหรับพิธีการส่งของออกชั่วคราวในลักษณะที่กำหนดในอนุสัญญา (4) ใบขนส่งสินค้าพิเศษ สำหรับรถยนต์ และ จักรยานยนต์นำเข้า หรือ ส่งออกชั่วคราว ใช้สำหรับการส่งออกรถยนต์ และ จักรยานยนต์ชั่วคราว
(1) ใบขนสินค้าขาออก ประกอบไปด้วยต้นฉบับ และ สำเนา 1 ฉบับ
(2) บัญชีราคาสินค้า (Invoice) 2 ฉบับ
(3) แบบธุรกิจต่างประเทศ (Foreign Transaction Form) : ธต.1 จำนวน 2 ฉบับ กรณีสินค้าส่งออกมีราคา FOB เกิน 500,000 บาท
(4) ใบอนุญาตส่งออก หรือ เอกสารอื่นใดสำหรับสินค้าควบคุมการส่งออก
(5) เอกสารอื่นๆ (ถ้ามี)
(1) ผู้ส่งออก หรือ ตัวแทนจะส่งข้อมูลใบขนสินค้าขาออก และ บัญชีราคาสินค้า (Invoice) ทุกรายการจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ส่งออก หรือ ตัวแทนมายังที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของกรมศุลกากร โดยผ่านบริษัทผู้ให้บริการระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
(2) เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของกรมศุลกากรตรวจสอบข้อมูลในใบขนสินค้าขาออกส่งมาอย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว จะออกเลขที่ใบขนสินค้าขาออก และ ตรวจสอบเงื่อนไขต่างๆที่กรมศุลกากรนั้นได้กำหนดไว้ เพื่อจัดกลุ่มใบขนสินค้าขาออกเป็น 2 ประเภท ดังต่อไปนี้ และ แจ้งกลับไปยังผู้ส่งออก หรือ ตัวแทน เพื่อที่จะจัดพิมพ์ใบขนสินค้า
ใบขนสินค้าขาออกที่จะต้องตรวจสอบพิธีการ (Red Line) สำหรับใบขนสินค้าประเภทนี้ ผู้ส่งออก หรือ ตัวแทนต้องนำใบขนสินค้า ไปติดต่อกับหน่วยงานประเมินอากรของท่าที่ผ่านพิธีการ
ใบขนสินค้าขาออกที่ไม่ต้องตรวจสอบพิธีการ (Green Line) สำหรับใบขนสินค้าขาออกประเภทนี้ ผู้ส่งออกจะสามารถชำระค่าอากร (ถ้ามี) และ ดำเนินการนำสินค้าไปตรวจปล่อย เพื่อส่งออกได้เลย โดยที่ไม่ต้องไปพบเจ้าหน้าที่ประเมินอากร
(1) ถ้าสินค้าที่ส่งออกเป็นสินค้าที่ผู้ส่งออกประสงค์จะนำกลับเข้ามาในประเทศไทย อีกภายในหนึ่งปีโดยขอยกเว้นอากรขาเข้า ให้เพิ่มคู่ฉบับใบขนสินค้าขาออกอีกหนึ่งฉบับ เพื่อใช้เป็นหลักฐานที่เรียกว่า ใบสุทธินำกลับ เพื่อเป็นหลักฐานในการนำสินค้ากลับเข้ามา
(2) การส่งน้ำมัน หรือ ผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ผลิตในราชอาณาจักรไปจำหน่ายยังต่างประเทศ และ ผู้ส่งออกต้องการขอคืนภาษีน้ำมันของกรมสรรพสามิต ให้เพิ่มคู่ฉบับใบขนสินค้าขาออกอีกหนึ่งฉบับ และ เขียนประทับตรายาง ให้มีข้อความว่า ขอคืนภาษีน้ำมัน หรือ ผลิตภัณฑ์น้ำมัน ไว้ตอนบนใบขนสินค้าขาออก และ คู่ฉบับ
(3) สำหรับท่ากรุงเทพ การส่งสินค้า Re-Export ไปยังประเทศ สปป.ลาว และ ประสงค์จะขอคืนอากรขาเข้า ให้เพิ่มคู่ฉบับใบขนสินค้าขาออกอีกหนึ่งฉบับแนบติดกับต้นฉบับใบขนสินค้าขาออกดด้วย
(4) การส่งออกที่ผู้ส่งออกประสงค์จะได้เอกสารส่งออกจากทางกรมศุลกากรเพื่อขอรับเงินชดเชยอากร จะต้องยื่นคู่ฉบับใบขนสินค้าขาออกอีกหนึ่งฉบับ ซึ่งจะมีลักษณะพิเศษคือ มีสีน้ำเงินที่มุมทั้ง 4 มุม
(5) สินค้าส่งออกที่ขอคืนอากรตามมาตรา 19 ทวิ จะต้องยื่นใบแนบ ใบขนสินค้าขาออก เพื่อขอคืนอากร ตามมาตรา 19 ทวิ
(6) สถานที่สำหรับใช้ตรวจสินค้าขาออก มีดังนี้
ท่าศุลกสถาน หรือ ณ ทำเนียนท่าเรือที่ได้รับอนุมัติสำหรับการนำเข้า-ส่งออก
งานตรวจคอนเทนเนอร์ และ สถานทีตรวจสอบขาออก ฝ่ายตรวจสินค้าที่ 2 ภายในบริเวณท่าเรือกรุงเทพ
สถานีตรวจ และ บรรจุสินค้าเข้าคอนเทนเนอร์ เพื่อการส่งออก
สำหรับข้าว แร่ ยาง ณ โรงเก็บข้าว โรงสีข้าว โรงเก็บแร่ โรงเก็บยาง อันได้รับอนุมัติตามมาตรา 7(4) แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469
โรงพักสินค้าสำหรับการตรวจของขาเข้า และ บรรจุของขาออกที่ ขนส่งโดยระบบคอนเทนเนอร์ นอกเขตท่าทำเนียบท่าเรือ
ที่มา :go.th/con
by : theeratep eieielove