ต้องใส่ใจในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกสาร การผันแปรของตลาดและเศรษฐกิจ แต่หากเราอยากประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจส่งออกละ เราจะต้องมีอะไรบ้าง
เริ่มทำธุรกิจและอยากขยายธุรกิจเพื่อส่งออก แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน สามารถติดต่อเข้าไปที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169 จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการข้อมูลและข่าวสารทางการค้าในเชิงลึก และน้องยังสามารถรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้สามารถเลือกตลาดที่เหมาะกับสินค้าของน้องได้อย่างเหมาะ
ในปัจจุบันอินเตอร์เน็ตทำให้น้องสามารถเข้าถึงได้จากทั่วทุกมุมโลก แต่ว่าลูกค้าก็สามารถเข้าถึงสินค้าได้จากทุกมุมโลกเช่นกัน และที่สำคัญการสั่งซื้อของออนไลน์ในปัจจุบันก็ได้รับความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงควรรู้จักที่จะโปรโมทสินค้าของเราผ่านเว็บไซต์ต่างๆ แต่ก็ต้องรู้จักความแตกต่างของแต่ละช่องทางให้ดี เพื่อส่งออกสินค้าไปถึงเป้าหมายได้มากขึ้นเช่น หากอยากจะขายสินค้าแบบปลีก ก็ควรที่จะลงสินค้าใน Amazon หรือ E-bay สำหรับคนไหนที่อยากขายสินค้าแบบส่ง Alibaba,Taobao,Tmall อาจจะเหมาะกับธุรกิจของน้องมากกว่า เพียงแค่น้องเลือกวางขายสินค้าให้เหมาะกับตลาด ยอดขายก็พุ่ง
นอกจากนี้ควรจะมีการโปรโมทในรูปแบบอื่นๆ เช่น การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ลงสินค้าบน Thaitrade.com หรือ ไปออกบูทจัดงานแสดงสินค้าเพื่อเพิ่มช่องทางการค้า และที่สำคัญคือ ควรมีช่องทางการติดต่อที่หลากหลายเพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อสื่อสารกับเราได้อย่างสะดวกมากขึ้น
สิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจการส่งออกยั่งยืนคือ ต้องทำความรู้จักกับตลาดให้ดี ทั้งการรู้จักคู่แข่งให้ดี การพัฒนาคุณภาพสินค้า พัฒนาการบริการ และ ระบบขนส่งเพื่อช่วยลดต้นทุนและยังเป็นการสร้างกำไรให้กับธุรกิจของเราอีกด้วย เมื่อเรารู้จักตลาดได้ดีพอ เราก็จะสามารถเลือกใช้กลยุทธ์ต่างๆได้อย่างเหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์
กลยุทธ์ในการส่งออกให้ประสบความสำเร็จ
หลังจากที่มีการสั่งซื้อสินค้าเรียบร้อยแล้วสิ่งที่ต้องทำก็คือการจัดส่งสินค้า สามารถเลือกส่งสินค้าได้ทั้งทางเรือหรือทางอากาศ และสามารถเลือกส่งออกด้วยตัวเองหรือเลือกใช้บริการจากบริษัทขนส่งก็ได้เช่นกัน แต่ขั้นตอนที่สำคัญนั้นก็คือ พิธีการศุลกากร
เอกสารที่ต้องใช้มีดังนี้
1.ใบรับรองทางด้านความปลอดภัยและมาตรฐานของสินค้า
2.ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าจากกรมการค้าต่างประเทศ
3.ใบขนสินค้าขาออก
4.บัญชีราคาสินค้า
5.บัญชีรายละเอียดการบรรจุหีบห่อ (Packing List)
6.คำร้องขอให้ในการตรวจสินค้าและบรรจุเข้าตู้คอนเทนเนอร์
สำหรับเอกสารบางชนิดสามารถเก็บไว้ใช้ได้ในระยะยาว ไม่จำเป็นต้องทำใหม่ในทุกๆ ครั้งหรือเราสามารถเลือกใช้บริการจากบริษัทที่รับส่งออกสินค้าซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเราได้อีกทางหนึ่งอีกด้วย
BY : NUN
ที่มา : www.spu.ac.th