อัพเดทล่าสุด: 21 ก.ย. 2024
125 ผู้เข้าชม
ประกันภัยสินค้า หรือ ประกันภัยการขนส่ง เป็นการคุ้มครองความเสียหายหรือสูญเสียที่เกิดขึ้นกับสินค้าระหว่างการขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ ซึ่งความคุ้มครองนั้นจะแตกต่างกันไปตามประเภทของกรมธรรม์และบริษัทประกันที่คุณเลือก แต่โดยทั่วไปแล้ว ประกันภัยสินค้าจะให้ความคุ้มครองในเรื่องต่อไปนี้ค่ะ
ความคุ้มครองหลักๆ ของประกันภัยสินค้า
ความเสียหายทางกายภาพ:
- สินค้าเสียหายจากอุบัติเหตุ เช่น การชน การตก การกระแทก
- สินค้าเสียหายจากสภาพอากาศ เช่น พายุ ฝนตก น้ำท่วม
- สินค้าเสียหายจากการขนย้าย เช่น รอยขีดข่วน รอยบุบ
การสูญหาย:
- สินค้าสูญหายทั้งหมดหรือบางส่วนระหว่างการขนส่ง
- สินค้าถูกขโมย
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม:
- ค่าใช้จ่ายในการเคลมประกัน
- ค่าใช้จ่ายในการกู้คืนสินค้า
- ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบสินค้า
ความเสียหายทั่วไป (General Average):
- เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการกระทำที่จงใจเพื่อรักษาความปลอดภัยของเรือและสินค้าทั้งหมด เช่น การทิ้งสินค้าลงทะเลเพื่อช่วยให้เรือลอยตัวได้
- ผู้เอาประกันภัยจะต้องร่วมกันรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ตามสัดส่วนของมูลค่าสินค้าที่เอาประกันภัย
ประเภทของกรมธรรม์ประกันภัยสินค้า
- กรมธรรม์แบบ A (Institute Cargo Clauses (A)): ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุด โดยคุ้มครองความเสี่ยงภัยเกือบทุกชนิด
- กรมธรรม์แบบ B (Institute Cargo Clauses (B)): ให้ความคุ้มครองน้อยกว่าแบบ A โดยจะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากสาเหตุภายใน เช่น การบูดเน่า เสื่อมสภาพ
- กรมธรรม์แบบ C (Institute Cargo Clauses (C)): ให้ความคุ้มครองน้อยที่สุด โดยจะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายที่เกิดจากเหตุการณ์ที่รุนแรง เช่น อัคคีภัย การระเบิด การจม
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความคุ้มครองและเบี้ยประกัน
- มูลค่าของสินค้า: ยิ่งมูลค่าของสินค้าสูง เบี้ยประกันก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
- เส้นทางการขนส่ง: เส้นทางการขนส่งที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การขนส่งทางทะเลระยะไกล ก็จะมีเบี้ยประกันที่สูงกว่า
- ประเภทของสินค้า: สินค้าที่เปราะบางหรือมีมูลค่าสูง จะมีเบี้ยประกันที่สูงกว่าสินค้าทั่วไป
- เงื่อนไขความคุ้มครอง: เงื่อนไขความคุ้มครองที่แตกต่างกันก็จะส่งผลต่อเบี้ยประกันที่แตกต่างกัน
สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำประกันภัยสินค้า
- อ่านกรมธรรม์ให้ละเอียด: ก่อนตัดสินใจทำประกัน ควรอ่านกรมธรรม์ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อทราบสิทธิและความรับผิดชอบของตนเอง
- เปรียบเทียบราคาและความคุ้มครอง: ควรเปรียบเทียบราคาและความคุ้มครองจากหลายๆ บริษัทประกัน เพื่อเลือกแผนที่เหมาะสมกับความต้องการ
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัย เพื่อขอคำแนะนำ
การทำประกันภัยสินค้าเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่ดี หากคุณมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกหรือนำเข้าสินค้า การทำประกันภัยจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น สินค้าของคุณจะได้รับการคุ้มครอง
BY: Theeratepplai
ที่มา: Gemini