แชร์

Thailand E-Commerce Landscape ภูมิทัศน์อีคอมเมิร์ซประเทศไทย 2024

อัพเดทล่าสุด: 16 ก.ค. 2024
775 ผู้เข้าชม
Thailand E-Commerce Landscape ภูมิทัศน์อีคอมเมิร์ซประเทศไทย 2024

1.Marketing & Supporting
1.1 Retail Media
สำหรับ  Digital Advertising ในประเทศไทยเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ และภาคธุรกิจและนักการตลาดให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในตอนนี้ เราจะเห็นได้จากรายงานจากงาน DAAT 2023 ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า เดือน มกราคม มิถุนายน ที่ผ่านมา มูลค่าเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลเติบโตเพิ่มขึ้นถึง +5.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ด้วยมูลค่า 55,530 ล้านบาท

ที่น่าสนใจช่องทางของ Digital Advertising ยังมีช่องทางหลักในสนามเดิมอยู่เปล่า? จากข้อมูลของ  GroupM  ได้เปิดเผยว่าช่องทางที่เม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลถูกใช้ไปส่วนใหญ่อยู่ที่ 2 ผู้เล่นหลัก ได้แก่ Google และ Facebook แต่ช่วงหลังๆมานี้ มีสื่อใหม่มาแรง ที่นักการตลาดคาดการณ์กันไว้ว่าเป็นเหมือน Wave ที่ 3 ของ Digital Advertising นั่นคือ Retail Media ซึ่งกำลังเป็นที่จับตาของนักการตลาดไม่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นที่น่าจับตาของนักการตลาดทั่วโลก

Retail Media หรือ สื่อค้าปลีก เกิดขึ้นจากการเติบโตของการช้อปปิ้งออนไลน์  ทำให้โฆษณาภายในพื้นที่ของผู้ค้าปลีก เช่น ร้านค้าออนไลน์ หรือแพล็ตฟอร์ม Third party มีความสำคัญมากขึ้น โดย Retail Media จะช่วยผู้ค้าปลีกในการนำเสนอโฆษณาภายในร้านออนไลน์ หรือในแพลตฟอร์มของตนเพื่อเชื่อมโยงกับลูกค้า ยกตัวอย่าง Priceza มีพื้นในแพล็ตฟอร์มของตัวเอง และเปิดพื้นที่ให้แบรนด์ต่างๆ ช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้มากขึ้น  เป็นพื้นที่ของโฆษณา (Ads placement) นั่นเอง และไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นสื่อ Online อย่างเดียวเท่านั้น พื้นที่หน้าร้าน Offline ก็สามารถสร้างพื้นที่โฆษณาได้เช่นกัน  ซึ่งการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ค้าปลีก หรือเจ้าของแพลตฟอร์ม กับแบรนด์ทำให้เกิดการสร้างเครือข่าย ที่เรียกว่า Retail Media Network (RMN) ทำให้สื่อค้าปลีกมีความหลากหลายที่ช่วยให้ธุรกิจและนักการตลาดมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้ากับแบรนด์ได้ได้ ทำให้การทำการตลาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่างกลุ่ม Retail Media
Google, Priceza, Lazada, Shopee, Grab, LINE MAN, Robinhood

1.2 Social Media
การเติบโตของธุรกิจ E-Commerce ของประเทศไทยเติบโตขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะช่วงโควิดปี 2019 ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 140% YoY คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาด E-Commerce ประเทศไทยจะมีเม็ดเงินที่จะหมุนเวียนสูงถึง 1.6 ล้านล้านบาท ในปี 2027 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า ต่างจากเม็ดเงินที่หมุนเวียนในตลาดปัจจุบันในปี 2023 ซึ่งอยู่ที่ 9.32 แสนล้านบาท จะเห็นได้ว่าเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี ซึ่ง Social Commerce มีส่วนแบ่งมูลค่าตลาดถึง 22% สูงเป็นอันดับ 2 ของมูลค่าทั้งหมดรองลงมาจาก E-Marketplace

หากลงมาโฟกัสในกลุ่ม Social Commerce การไล์ฟขายของผ่านแพลฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือ Live Commerce เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าสูงที่สุด นาทีนี้คงเป็น TikTok ซึ่งยอดขายออนไลน์รวม หรือ GMV (Gross Merchandise Volumn) ในปี 2022 อยู่ที่ 4,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 162,600 ล้านบาท) มีการคาดการณ์ว่าในปี 2023 นี้ TikTok Shop จะสามารถสร้าง GMV ได้มากถึง 20% ของ Shopee เลยทีเดียว Live Commerce ยังมีลักษณะพิเศษ คือการผสมผสานระหว่างอีคอมเมิร์ซที่ลูกค้ายังคงได้รับความสะดวกสบายจากการไม่ต้องออกจากบ้านไปซื้อของเอง และประสบการณ์จากร้านค้าจริงที่พ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าใกล้ชิดกัน ในการคอมเม้นต์ถามเกี่ยวกับสินค้า รวมถึงการทำ Hyper-personalization ด้วย AI บนแพลตฟอร์มสร้างแรงจูงใจทำให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจซื้อแบบฉับพลัน (Impulse Purchase) เพียงแค่แวะเข้ามาดูไลฟ์ 

เมื่อมาดูว่า Social Media ใดที่ลูกค้านิยมซื้อมากที่สุดในปี 2023 จากสถิติของ Hubspot ได้รวบรวมไว้ว่าแพลตฟอร์ม Instagram และ Facebook ยังเป็น 2 แพลตฟอร์มที่ลูกค้านิยมซื้อ ถัดมาคือ TikTok ที่มีเส้นกราฟแห่งการเติบโตที่ก้าวกระโดดที่สุดในหมู่ Social Media อื่น ๆ โดยแพลตฟอร์มนี้ใช้เวลาเพียง 3 ปี ในการพัฒนาให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในช่วงอายุ 16-64 ปี มาเล่นเพิ่มขึ้นถึงราว ๆ 76% ด้วยกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่า TikTok เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่แบรนด์หรือธุรกิจสามารถสร้างโอกาสในการเข้าถึงหรือการขายสินค้าได้มากขึ้น

ตัวอย่างกลุ่ม Social Media
Facebook, Instagram , Youtube, X (Twitter) , Tiktok, Pantip

1.3 Affiliate Marketing
จากเดิมเทรนด์การตลาดแบบบอกต่อ Word-of-Mouth (WOM) หรือการ ป้ายยา เกิดจากพฤติกรรมของลูกค้ายุคดิจิทัลที่ ใช้ ชอบ แชร์ ด้วยการรีวิวและการส่งต่อประสบการณ์จริงที่ดู Real และทรงพลัง ยิ่งเป็นรีวิวจากคนใกล้ตัวจะช่วยให้ตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น พลังของการบอกต่อในโซเซียลไม่ว่าจะเป็นการแชร์ใน Facebook  การรีทวิตหรืออีกมากมายที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียลทุกอย่างถูกส่งต่อไปมาอย่างรวดเร็ว เราจะเห็นแฮชแท็กบทสนทนาป้ายยายอดนิยม ที่ทำให้เกิดการบอกต่อและกระตุ้นการซื้อเช่น #ใช้ดีบอกต่อ #อร่อยไปแดก #HowToPerfect #รีวิวสินค้า แฮชแท็กเหล่านี้ทำให้เกิดลักษณะการ ป้ายยา ซึ่ง X หรือ Twitter ได้เปิดเผยว่าหากสามารถสร้างบทสนทนาในมุมบวก (Positive Conversation) ได้ 10% จะช่วยสร้างยอดขายให้แบรนด์เพิ่มขึ้น 3% และค่าเฉลี่ยของแบรนด์ที่มีบทสนทนาบน Twitter ส่วนใหญ่ขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น 5% 

มาในปัจจุบันในยุคที่ Creators เฟื่องฟู จนเกิดระบบเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า Creator Economy ไม่เพียงใช้-ชอบ-แชร์ยังสามารถสร้างรายได้ด้วยการแปะลิงค์สินค้าได้อีกด้วย หรือที่เราเรียกการตลาดแบบนี้ว่า Affiliate Marketing ที่เราอาศัยพลังแห่งการบอกต่อที่กล่าวมาข้างต้น สร้างความตระหนักให้แบรนด์หรือที่ธุรกิจได้เล็งเห็นโอกาสเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายในการสร้างความไว้วางใจและการสนับสนุนการขายสินค้าหรือบริการได้ การตลลาดวันละตอนได้ให้ข้อมูลว่ามีการโพสลิงก์ Affiliate Links บนโซเชียลมีเดียไม่น้อยกว่า 5 ล้านครั้งแค่ใน 9 เดือนแรกของปี 2023 

ซึ่งการ Live หรือ Live Commerce เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถผลักดันให้ Affiliate Marketing เติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะ TikTok ยกตัวอย่างการ Live ขายของของตี๋โอ ที่สามารถทำเงินได้จากการ Live ผ่าน TikTok ได้ถึง 1 ล้านบาทภายใน 1 ชั่วโมง จนล่าสุดได้สร้างสถิติใหม่ทำเงินได้ 22 ล้านบาทจากการ Live แค่ 17 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้มาจากการเปิดโอกาสผู้ใช้งาน หรือ TikToker คนอื่น ๆ รับส่วนแบ่งรายได้จากระบบตะกร้าเหลือง หรือค่านายหน้า จากการทำ Affiliate เมื่อทำคลิปรีวิวสินค้าแล้วมีคนตามไปซื้อสินค้าจริง ๆ จากคลิปรีวิวดังกล่าว

เรียกว่าในปี 2024 Affiliate Marketing เป็นหนึ่งในการตลาดที่ธุรกิจไม่ควรพลาดอย่างเแท้จริง ซึ่งแบรนด์ควรมองหาพันธมิตรเพื่อเริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์อันดีกับและมองหาครีเอเตอร์ Publisher, Influencer, KOLS ที่ใช่ เมื่อแบรนด์สามารถที่จะเปิดใจครีเอเตอร์ได้ ครีเอเตอร์จะเป็นประตูไปสู่ฐานผู้ติดตามของพวกเขาซึ่งจะเป็นลูกค้าของคุณได้ในอนาคต  ปัจจุบันแพลตฟอร์มที่ให้บริการมีผู้เล่นในตลาดสัญชาตไทยอย่าง Priceza Affiliate, Pundai

ตัวอย่างกลุ่ม Affiliate Marketing
Priceza Affiliate, Pundai, ShopBack, RadarPoint, MyCashback, Access Trade, Involve Asia, Ecomobi

1.4 CRM for B2C
จากสถิติในปี 2022 ธุรกิจกว่า 85% วางแผนลงทุนในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ซึ่งบริษัทที่ยังไม่ให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและ CRM ก็จะเสียเปรียบในการแข่งขันและถูกลืมในที่สุด โดยเฉพาะถ้าหากหากลูกค้าเจอประสบการณ์เชิงลบติดต่อกัน 3 ครั้ง มีโอกาสที่ลูกค้าจะไม่กลับมาซื้อซ้ำอย่างแน่นอน ซึ่งการทำ CRM สำหรับธุรกิจ B2C มีความสำคัญอย่างมากต่อธุรกิจ ช่วยให้ธุรกิจสร้างและบริหารความสัมพันธ์และดูแลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อต่อยอดธุรกิจแบบ 360 องศา ด้วยข้อมูลของลูกค้าที่ธุรกิจเป็นเจ้าของเอง ทุกวันนี้ CRM จะยิ่งทวีความสำคัญ เพราะการเก็บคุกกี้จะยิ่งเหลือน้อยลงเรื่อยๆ แบรนด์ชั้นนำในตลาด B2C พยายามรวบรวม First Party Data ของลูกค้า เช่น เบอร์ติดต่อ, แหล่งที่มาของลูกค้า, โปรไฟล์บนโซเชียลมีเดีย และข้อมูลพฤติกรรมการซื้อสินค้า ข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญอย่างมากที่จะต่อยอดให้กับธุรกิจได้ ไม่ว่าจะเป็นการมอบประสบการณ์แบบ Personalized ให้กับลูกค้า หรือการรักษาลูกค้าเก่าด้วย Loyalty Program ที่จะช่วยให้เราสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ผ่านการมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้า เพื่อทำให้ลูกค้าเก่า เกิดความรัก ความผูกพันธ์ในแบรนด์ของเรา จากสถิติความสำคัญของ Loyalty Program ลูกค้าเก่ามีแนวโน้มที่จะจ่ายสูงกว่าอีกด้วย 

ตัวอย่างกลุ่ม CRM for B2C
LINE OA, ChocoCRM, BuzzeBees, Primo

1.5 Data Insights
การใช้ Data Insights เสริมเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซในด้านต่าง ๆ ที่มีประโยชน์หลายๆด้านด้วยกันเพื่อเข้าใจลูกค้า, ปรับกลยุทธ์ตลาด, บริหารจัดการสต็อก, พัฒนาผลิตภัณฑ์, ทำนายและวางแผน, และปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า. การใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์ช่วยให้ธุรกิจดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ตัวอย่างกลุ่ม Data Insights
Etailligence, KaloData, Wisesight, Mandala


แหล่งที่มา : Thailand E-Commerce Landscape 2024 อัปเดตภาพรวมของภูมิทัศน์อีคอมเมิร์ซประเทศไทย 2024 E-Commerce Landscape ภาพรวมธุรกิจอีคอมเมิร์ซ - Priceza Insights

บทความที่เกี่ยวข้อง
แนวโน้มโลจิสิตกส์และธุรกิจขนส่งปี 2025
แนวโน้มของโลจิสติกส์และธุรกิจขนส่งในปี 2025 จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญ เนื่องจากปัจจัยหลายประการ
22 ต.ค. 2024
จัดการสต๊อกให้ดีขึ้นโดยการทลายการทำงานแบบ silo
การทำงานแบบ silo หรือต่างคนต่างทำงานของตนเอง ไม่มีความร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว จะทำให้ผลที่ตามมานั้นไม่ใช่แค่ performance ของซัพพลายเชนและองค์กรเสียเชื่อเสียง
22 ต.ค. 2024
Sales Gatekeepers ตำแหน่งที่เซลส์ทุกคนจำเป็นต้องรู้!
Sales Gatekeepers จะต้องทำงานร่วมกันกับตำแหน่งอื่นๆในองค์กร ที่จะคอยช่วยกันวิเคราะห์งานเสนอขาย หลังจากนั้นจะส่งต่อไปยังบุคคลตำแหน่งต่างๆที่สูงกว่า
21 ต.ค. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ